รีวิวก้าน Fujikura PRO Black – ก้าน Low/Low ที่ตีง่ายกว่าที่คิด

รีวิวก้าน Fujikura PRO Black – ก้าน Low/Low ที่ตีง่ายกว่าที่คิด

ถ้าคุณกำลังมองหาก้านไดรเวอร์ที่ให้วิถีลูกต่ำและสปินต่ำ หลายรุ่นในตลาดอาจจะรู้สึกแข็งเกินไปหรือตีได้ยาก แต่ Fujikura PRO Black ไม่เป็นแบบนั้น ก้านรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้นักกอล์ฟได้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวลขึ้น แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ทรงพลัง มาดูกันว่าเพราะอะไรหลายคนถึงชอบมัน

เหมาะกับใคร?

ไม่ใช่นักกอล์ฟทุกคนที่มีสปีดวงสวิงเท่ามือโปร และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก้านที่แข็งสุดๆ เพื่อควบคุมลูกเช่นกัน PRO Black จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความคอนโทรลและสปินที่น้อยลง แต่ยังคงตีได้อย่างสบาย

ถ้าคุณเคยลองก้านแบบ Ventus Black แล้วรู้สึกว่ามันตียาก PRO Black อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะให้ฟีลลิ่งที่อ่อนโยนกว่า แต่ยังได้วิถีลูกที่พุ่งแรงและนิ่ง

ความรู้สึกตอนจับและสวิง

ก้านรุ่นนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างจากก้าน low/low ทั่วไป มันไม่แข็งจนเกินไป และยังให้แรงดีดใต้มือจับที่ชัดเจน ช่วยให้คุณสวิงได้ง่ายขึ้น

โดยปกติก้าน low/low จะนุ่มที่ปลายด้ามและแข็งที่ปลายหัวไม้ แต่ PRO Black แตกต่างออกไป มันแข็งทั้งที่ปลายและตรงด้าม แต่ยังมีแรงดีดบริเวณกึ่งกลาง ช่วยให้รู้สึกสวิงได้อย่างอิสระ ไม่ต้องฝืน

ผลงานในสนาม

เมื่อลองใช้ในสนามจริง PRO Black ให้วิถีลูกที่นิ่งและแรง ลูกออกจากหน้าไม้ต่ำกว่าปกติ ซึ่งช่วยมากเวลาตีในลมแรง ถ้าคุณเคยเจอปัญหาลูกลอยสูงจนเสียระยะ ก้านนี้จะช่วยลดปัญหานั้นได้

แม้ว่าสปินอาจจะไม่ต่ำเท่าก้านรุ่นท็อปอย่าง Ventus แต่สำหรับนักกอล์ฟส่วนใหญ่ ระดับสปินที่ PRO Black ให้ก็นับว่าต่ำพอสำหรับการควบคุมลูก

ความนิ่งและการให้อภัย

ข้อดีอีกอย่างคือความนิ่ง แม้จะตีพลาดเล็กน้อย ก้านนี้ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่สั่นหรือเสียทิศง่ายๆ

ถ้าคุณมักตีลูกฮุก PRO Black จะช่วยลดปัญหานี้ โดยไม่ทำให้คุณเสียความสามารถในการตีดรอว์ ก้านบางรุ่นอาจนิ่งจนตีลูกโค้งไม่ได้เลย แต่ PRO Black ให้อิสระมากกว่า

สเปกและตัวเลือก

Fujikura PRO Black มีให้เลือกหลายน้ำหนักและความแข็งดังนี้:

  • 60 กรัม – Stiff และ X-Flex
  • 70 กรัม – Stiff และ X-Flex
  • 80 กรัม – X-Flex เท่านั้น

คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับสปีดวงสวิงและสไตล์การเล่นของคุณ และควรทดลองจริงในช่วงการฟิตติ้งเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด

สรุป

Fujikura PRO Black คือก้านไดรเวอร์ที่เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการวิถีลูกต่ำ สปินน้อย แต่ไม่อยากสวิงเหนื่อยหรือเสียความรู้สึกในการตี มันให้อารมณ์ที่สมดุล ระหว่างความนิ่งและแรงดีด

หากคุณกำลังอัปเกรดไดรเวอร์ หรือกำลังหาก้านที่ให้ผลลัพธ์ดีโดยไม่ต้องแลกกับความรู้สึกในการตี PRO Black ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องลอง

รีวิวก้านเหล็ก Project X IO – สัมผัสนุ่ม ควบคุมได้แบบ Tour

รีวิวก้านเหล็ก Project X IO – สัมผัสนุ่ม ควบคุมได้แบบ Tour

ถ้าคุณเล่นกอล์ฟมานานพอ ก็น่าจะมีก้านแบรนด์โปรดในใจอยู่แล้ว บางแบรนด์ตีแล้วเข้ามือ บางแบรนด์อาจไม่เคยถูกใจ สำหรับผม ก้าน Project X รุ่นดั้งเดิมมักรู้สึกแข็งกระด้าง แต่พอได้ลอง Project X IO รุ่นใหม่ บอกเลยว่ารู้สึกแปลกใจในทางที่ดี มาดูกันครับ ว่าก้านรุ่นนี้มีอะไรพิเศษ และทำไมน่าลองสำหรับนักกอล์ฟที่อยากเปลี่ยนฟีล

ดีไซน์เรียบง่าย ดูดีแบบมืออาชีพ

ก้านเหล็กทั่วไปอาจไม่ได้มีอะไรสะดุดตามาก
แต่ Project X IO มีความเรียบหรูในแบบของมัน

ผิวก้านเป็น แบบโครเมียมด้าน (brushed chrome) ดูนุ่มตา ไม่แวววาวเกินไป
แถมยังเป็น ก้านแบบไม่มีรอยขั้น (stepless) ให้ลุคสะอาดตา ทันสมัย

ลวดลายแบรนด์พิมพ์ลงบนตัวก้านโดยตรง ไม่มีสติ๊กเกอร์ให้ยุ่งยากหรือยับง่าย
ดูเรียบ เท่ และเข้ากับถุงกอล์ฟระดับโปร

สัมผัสนุ่มกว่า Project X รุ่นเดิมชัดเจน

ใครที่เคยลองก้าน Project X รุ่นดั้งเดิม คงจำได้ถึงความแข็งกระด้างของมัน
แต่ IO รุ่นใหม่นี่ต่างกันแบบคนละเรื่อง

ตอนสวิง รู้สึกว่าโหลดก้านได้ง่ายมาก
ช่วงถ่ายน้ำหนักนุ่มนวล และ ถ่ายแรงลงลูกแบบแน่นๆ ควบคุมได้ดี

โดยเฉพาะก้านเหล็กยาว จะรู้สึกถึงการช่วยดีดลูกให้ง่ายขึ้น
ส่วนก้านเหล็กสั้นจะนิ่งและแน่น ไม่ออกแรงเกิน

วิถีลูกกลางๆ สปินพอดี – จบที่ระยะคุมได้

Project X บอกว่า IO เป็นก้านที่ให้ วิถีลูกกลาง (mid launch) และ สปินกลาง (mid spin)
และจากที่ลองตี ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ถึงแม้ฟีลในมือจะดู “มีชีวิตชีวา” แต่ลูกไม่ได้โด่งเกิน
ลูกออกจากหน้าไม้ในวิถีที่ดีพอดี มีสปินมากพอให้ลูกหยุดบนกรีน

เหมาะกับคนที่อยากได้วิถีลูกสม่ำเสมอ ไม่โด่งฟุ้งแบบก้านบางรุ่น

เล่นทรงลูกได้ แต่ยังคุมทิศได้ดี

ใครที่ชอบตีดรอว์ ตีเฟด ก้าน IO ยังเปิดโอกาสให้คุณทำได้
จะตีสูงหรือต่ำกว่าปกติก็ทำได้ไม่ยาก

แต่ที่ชอบคือ มันไม่ปล่อยลูกให้แฉลบหรือเฟดแรง
แม้จะพยายามแต่งช็อต ลูกก็ยังวิ่งในโค้งเล็กๆ คุมได้
ไม่มีเฟดแรง ไม่มีฮุกเว่อร์ เว้นแต่ว่าจะตีพลาดจริงๆ

มีให้เลือก 3 Flex น้ำหนักต่างกันนิดเดียว

IO มีให้เลือก 3 ระดับความแข็ง:

  • 5.5 – Regular Flex, 105 กรัม
  • 6.0 – Stiff Flex, 110 กรัม
  • 6.5 – X-Stiff Flex, 115 กรัม

ทุกระดับเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละ 5 กรัม
เหมาะกับนักกอล์ฟที่ไม่อยากใช้ก้านเบาแบบปั่นๆ แต่ก็ไม่อยากหนักแบบ Tour เต็มๆ

อยู่ตรงกลางพอดี ระหว่างความรู้สึกและการควบคุม

ใครควรลองก้านนี้บ้าง?

ถ้าคุณเคยไม่ชอบ Project X มาก่อน IO อาจทำให้เปลี่ยนใจ
มันให้ความรู้สึกนุ่มกว่า ควบคุมได้ดี และตีง่ายขึ้นเยอะ

ยังคงให้ความแม่นยำ คุมวิถีได้เหมือนเดิม
แต่เพิ่มความรู้สึก “ก้านมันทำงานช่วยเรา” โดยเฉพาะตอนตีเหล็กยาว

เหมาะมากสำหรับนักกอล์ฟที่อยากได้ความคุมได้แบบ Tour แต่ไม่อยากฝืนสวิงแรงทุกครั้ง

ถ้าสงสัยว่ามันเข้ากับวงสวิงเรามั้ย? แนะนำให้ลองฟิตติ้งครับ
อาจเป็นก้านที่คุณตามหามานานก็ได้

ก้านเหล็กกราไฟต์ vs สตีล: ทำไม Fujikura AXIOM ถึงเปลี่ยนเกม

ก้านเหล็กกราไฟต์ vs สตีล: ทำไม Fujikura AXIOM ถึงเปลี่ยนเกม

เวลาจะเลือกก้านเหล็ก นักกอล์ฟหลายคนมักมีคำถามว่า
ควรใช้ก้านกราไฟต์หรือก้านสตีลดีกว่ากัน?

เมื่อก่อนคำตอบแทบจะเป็นก้านสตีล เพราะมันแข็งแรง ควบคุมง่าย และเชื่อถือได้มานาน

แต่ตอนนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก้านกราไฟต์อย่าง Fujikura AXIOM กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่ใช่แค่สำหรับนักกอล์ฟอายุเยอะหรือคนที่สวิงช้าเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับนักกอล์ฟทุกวัย ทุกระดับความเร็ว

มาดูกันว่าทำไม AXIOM ถึงน่าลอง

Credit: Fujikura AXIOM Graphite Iron Shaft Review

วิธีการเปิด ซับไตเติล กดเล่นวิดีโอ หมุนโทรศัพท์ให้อยู่ในแนวนอน มองหา CC แล้วเลือก ภาษาไทย

ความต่างระหว่างก้านกราไฟต์กับก้านสตีล

ก้านไม้กอล์ฟไม่ใช่แค่ที่จับหัวไม้ แต่มันส่งพลังจากสวิงของเราไปถึงลูก และวัสดุที่ใช้ก็มีผลต่อความรู้สึก การคุมทิศ และวิถีลูก

ก้านสตีล หนักกว่า (ประมาณ 90–130 กรัม) ให้ความรู้สึกแน่นหนา เหมาะกับคนที่สวิงเร็วและต้องการความแม่นยำ

ก้านกราไฟต์ เบากว่า (ประมาณ 40–125 กรัม) ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็วหัวไม้ และลดแรงกระแทกที่มือหรือข้อพับ

โดยเฉพาะ AXIOM ที่พัฒนาให้กราไฟต์ไม่แพ้สตีล ทั้งเรื่องความเสถียรและความแม่น

ทำไมคนถึงเคยไม่ชอบก้านกราไฟต์

เมื่อก่อนหลายคนมองว่าก้านกราไฟต์เหมาะกับผู้ใหญ่หรือคนที่สวิงช้า เพราะก้านมันเบาและไม่มั่นคงพอสำหรับการสวิงแรง ๆ

ซึ่งก็จริงในอดีต

แต่วันนี้ก้านกราไฟต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ AXIOM ลบภาพนั้นไปหมดแล้ว ก้านรุ่นนี้มีน้ำหนักให้เลือกถึง 125 กรัม และแข็งแรงพอจะรับมือกับสวิงเร็ว ๆ ได้แบบไม่มีปัญหา

4 เหตุผลที่ AXIOM โดดเด่นกว่าก้านทั่วไป

ก้าน AXIOM ไม่ใช่แค่กราไฟต์ธรรมดา มันถูกออกแบบมาเพื่อให้เล่นง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น:

  • มีน้ำหนักให้เลือกหลายแบบ: 75g, 105g, 125g เหมาะกับทั้งสวิงช้าและเร็ว
  • ลดแรงสั่นสะเทือน: ตีไม่เข้ากลางก็ไม่เจ็บมือหรือล้าข้อมือ
  • เสถียรและแม่นยำ: ช่วยให้วิถีลูกสม่ำเสมอแม้ตีไม่ดี
  • ช่วยเพิ่มระยะ: ลูกลอยดี ตกจุดที่ต้องการมากขึ้น

เทคโนโลยีลับใน AXIOM

AXIOM ใช้เทคโนโลยีชื่อว่า VeloCore ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับในก้าน VENTUS สำหรับหัวไม้ และได้รับความนิยมในหมู่นักกอล์ฟอาชีพทั่วโลก

นอกจากนี้ AXIOM ยังออกแบบเป็นระบบ 3-parallel หรือแยกการทำงานของก้านในแต่ละช่วง:

  • เหล็กยาว (2–4): เน้นให้ลูกลอยสูง ไปได้ไกล
  • เหล็กกลาง (5–7): ควบคุมทิศและระยะได้ง่าย
  • เหล็กสั้น (8–PW): เน้นความแม่นและความรู้สึกในการควบคุมระยะ

ก้านทั้งชุดมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน ไม่มีการตัดปลายเยอะ ทำให้คุณภาพของวัสดุไม่เสีย และให้ฟีลที่ดีสม่ำเสมอ

เสียงจากนักกอล์ฟที่ได้ลองใช้

มีนักกอล์ฟหลายคนที่ทดลองใช้ AXIOM แล้วรู้สึกประทับใจ

อดีตโปรคนหนึ่งบอกว่าเขาได้ระยะเพิ่มอีก 5 หลา จากเหล็ก 7 นักกอล์ฟอีกคนก็บอกว่าเวลาตีโดนไม่เต็ม ก้าน AXIOM ไม่ส่งแรงสั่นมาที่มือเท่าก้านสตีล

และอีกหลายคนพูดตรงกันว่า:

  • วิถีลูกนิ่งขึ้น
  • ความรู้สึกในการตีสบายขึ้น
  • ระยะเพิ่มโดยไม่เสียความแม่น

AXIOM เหมาะกับใคร?

ถ้าคุณสงสัยว่า AXIOM เหมาะกับคุณมั้ย ลองเช็กดู:

  • คุณอยากตีโดนกลางหน้ามากขึ้น
  • คุณมีปัญหาข้อมือ หรือไม่อยากล้าระหว่างฝึก
  • คุณสวิงเร็วแต่ยังอยากได้ฟีลนุ่ม ๆ ของกราไฟต์
  • คุณต้องการก้านที่ปรับแต่งได้ตามฟีลของตัวเอง
  • คุณอยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่เบาขึ้นแต่ยังควบคุมได้ดี

AXIOM เหมาะกับนักกอล์ฟทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเล่นจริงจังหรือเล่นวันหยุด

สรุปส่งท้าย

ยุคของการมองว่าก้านกราไฟต์ไม่เหมาะกับนักกอล์ฟจริงจัง มันจบไปแล้ว
วันนี้ Fujikura AXIOM พิสูจน์ให้เห็นว่า
ความสบาย กับประสิทธิภาพสูง สามารถไปด้วยกันได้

ถ้าคุณอยากตีไกลขึ้น แม่นขึ้น และลดอาการล้าของร่างกาย AXIOM อาจเป็นคำตอบของคุณ

หากเพื่อนๆนักกอล์ฟสนใจก้าน AXIOM แจ้งไปที่ไลน์ Line ID: @GolfShafts บอกว่ามาจากเว็บบล็อกของโปรตึ๊ก มีส่วนลด 10% ครับ

วิธีลดพุง สมองล้า และเพิ่มพลังงาน ด้วยการปรับอินซูลินให้สมดุล

วิธีลดพุง สมองล้า และเพิ่มพลังงาน ด้วยการปรับอินซูลินให้สมดุล

ถ้าคุณมีปัญหาพุงยื่น ระบบเผาผลาญช้า หรือรู้สึกเบลอในสมอง คุณไม่ได้เป็นคนเดียว ปัญหาเหล่านี้พบได้บ่อยมากในยุคนี้ แต่สาเหตุไม่ได้มาจากแค่การกินเยอะหรืออายุมาก ต้นเหตุจริงๆ คือฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินซูลิน อินซูลินช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป แต่ถ้ามีอินซูลินมากเกินไป ร่างกายจะสะสมไขมันแทนที่จะเผาผลาญ และเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดภาวะที่เรียกว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของหลายโรคเรื้อรัง

Credit

How to Reverse Insulin Resistance By Dr.Boz

วิธีการเปิด ซับไตเติล กดเล่นวิดีโอ หมุนโทรศัพท์ให้อยู่ในแนวนอน มองหา CC แล้วเลือก ภาษาไทย

อินซูลินควรทำงานยังไงในร่างกายปกติ?

เวลาคุณกินอาหาร ร่างกายจะแปลงอาหารเป็นกลูโคส (น้ำตาล) อินซูลินจะช่วยนำน้ำตาลนี้เข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน

ลองนึกภาพว่าอินซูลินคือกุญแจที่ใช้ไขประตูให้กลูโคสเข้าเซลล์ได้

แต่ถ้าคุณกินน้ำตาลหรืออาหารแปรรูปมากๆ ร่างกายจะต้องผลิตอินซูลินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ทำงานได้ และเมื่อเวลาผ่านไป เซลล์จะไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอีกต่อไป

นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของภาวะดื้อต่ออินซูลิน

ถ้าอินซูลินทำงานผิดปกติจะเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อเซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน น้ำตาลจะค้างอยู่ในเลือด ซึ่งเป็นอันตราย ร่างกายจึงรีบเปลี่ยนน้ำตาลเหล่านี้ให้กลายเป็นไขมัน

ไขมันส่วนใหญ่มักไปสะสมที่หน้าท้อง

ในขณะเดียวกัน เซลล์กลับไม่มีพลังงานเพราะนำน้ำตาลเข้าไปใช้ไม่ได้ นี่คือสาเหตุที่คุณรู้สึกเพลีย หิวบ่อย และเบลอ แม้ว่าจะเพิ่งกินเสร็จ

เซลล์ไขมันก็จะสะสมไขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถปล่อยออกมาได้อีก

ระบบเผาผลาญเริ่มช้าลง แล้วสุขภาพก็แย่ลงตามไปด้วย

ระบบ Feel Great ช่วยได้ยังไง?

ระบบ Feel Great เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดอินซูลินในร่างกายให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง

มีเครื่องมือ 2 อย่างที่ใช้ในระบบนี้คือ Unimate และ Balance ร่วมกับการกินแบบ Intermittent Fasting (การกินแบบจำกัดเวลา)

สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการหลั่งอินซูลินในแต่ละวัน ทำให้เซลล์เริ่มตอบสนองอีกครั้ง และฟื้นฟูระบบการใช้พลังงานของร่างกาย

ระบบนี้ทำงานโดย:

  • Unimate ช่วยเพิ่มสมาธิและพลังงานในช่วงที่คุณอดอาหาร
  • Balance/Bios-S ช่วยชะลอการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
  • Intermittent Fasting ให้ร่างกายพักจากการหลั่งอินซูลินบ่อยๆ

ทำไมการลดคาร์บกับการอดอาหารจึงสำคัญ?

ภาวะดื้อต่ออินซูลินมักเกิดจากการกินคาร์โบไฮเดรตแปรรูปมากเกินไป

เมื่อคุณลดคาร์บ น้ำตาลในเลือดจะลดลง อินซูลินก็ลดตาม และเมื่อคุณอดอาหาร อินซูลินจะลดลงยิ่งกว่าเดิม

ในช่วงแรก ร่างกายอาจรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะเคยชินกับการใช้พลังงานจากน้ำตาล แต่หลังจากไม่กี่วัน ร่างกายจะเริ่มใช้ไขมันแทน

ไขมันจะถูกเปลี่ยนเป็น คีโตน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ

คีโตนช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และให้พลังงานที่สม่ำเสมอโดยไม่ตกวูบ

ผลลัพธ์ที่คุณสัมผัสได้จริง

คนที่ใช้ระบบ Feel Great หลายคนเริ่มเห็นผลในไม่กี่วัน เช่น:

  • พุงยุบลง
  • ร่างกายมีแรงขึ้น
  • ความเบลอในสมองลดลง
  • ความอยากหวานลด
  • อารมณ์ดีขึ้น

ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ร่างกายหันมาเผาผลาญไขมันแทนการสะสม ไขมันเริ่มหลุดออกจากเซลล์ อินซูลินลดลง และระบบเผาผลาญค่อยๆ กลับมาทำงานดีอีกครั้ง

ภาวะดื้อต่ออินซูลินสามารถย้อนกลับได้

ข่าวดีคือ ภาวะนี้ไม่ถาวร คุณสามารถพลิกกลับได้

ระบบ Feel Great จะช่วยให้ร่างกายได้พักจากการหลั่งอินซูลินตลอดทั้งวัน และฟื้นฟูสมดุลจากภายใน

ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องนับแคลอรี่ แค่ปรับให้ฉลาดขึ้น และให้เวลากับร่างกายในการฟื้นตัว

เริ่มง่ายๆ ด้วยการลดคาร์บ ลองกินแบบจำกัดเวลา และใช้เครื่องมือที่ช่วยให้คุณไม่ต้องพึ่งแต่แรงใจ

แล้วคุณจะเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในแบบที่ยั่งยืน

รีวิวก้าน Project X LS – ก้านชุดเหล็กน้ำหนักเบา สปินต่ำ วิถีลูกพุ่ง

รีวิวก้าน Project X LS – ก้านชุดเหล็กน้ำหนักเบา สปินต่ำ วิถีลูกพุ่ง

Project X LS เป็นก้านเหล็กที่เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการควบคุมลูกได้ดีขึ้น และลดการหมุนของลูกลง เปิดตัวในปี 2020 โดย True Temper รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อผู้เล่นที่สวิงแรงและเร็ว โดดเด่นด้วยผิวแบบด้าน (brushed finish) แทนที่จะเป็นแบบโครเมียมเงา ช่วยลดแสงสะท้อนเมื่อตั้งลูก

แต่มันไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เพราะก้านรุ่นนี้ยังถูกสร้างมาให้มีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย มาดูกันว่าทำไมก้านรุ่นนี้ถึงน่าสนใจ และเหมาะกับใคร

อะไรที่แตกต่างในรุ่น LS?

ตัวอักษร “LS” หมายถึง Low Spin หรือการหมุนต่ำ ก้านรุ่นนี้มีโครงสร้างพื้นฐานเหมือน Project X รุ่นดั้งเดิม แต่มีความแตกต่างบางอย่างที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือมันถูกออกแบบให้ Flighted

นั่นหมายความว่าแต่ละก้านในเซ็ตถูกออกแบบให้ส่งลูกได้ต่างกันตามตำแหน่ง ยิ่งก้านยาว (เหล็กยาว) ยิ่งช่วยให้ลูกลอยสูง ส่วนก้านสั้น (เหล็กสั้น) ช่วยให้ลูกพุ่งต่ำและควบคุมได้ดีขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบก้านเหล็กเบอร์ 6 ของทั้งสองรุ่น จะเห็นว่าคล้ายกันมาก แต่ถ้ามองไปที่ก้าน wedge หรือ 3 เหล็ก จะเห็นความแตกต่างของการไล่ระดับชัดเจน

ความแข็ง (EI Profile): โครงสร้างที่มั่นคง

ขอพูดถึงคำว่า EI Profile แบบเข้าใจง่าย มันคือค่าความแข็งตลอดแนวก้าน ยิ่งค่านี้สูง ก้านยิ่งแข็ง ก้าน Project X LS มีโครงสร้างที่ไล่ความแข็งจากปลายไปยังด้ามอย่างนุ่มนวล

การออกแบบแบบนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า แน่นแต่ไม่กระด้าง ส่วนปลายแข็งพอจะลดการหมุนของลูก ส่วนท้ายก้าน (butt) แข็งมาก ช่วยให้ควบคุมทิศทางลูกได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องการลูกพุ่งนิ่งและคุมได้ง่าย

EI Profile Project X LS

กราฟด้านบนคือ EI Profile ของก้าน Project X LS  โดย:

  • ด้านซ้าย (ตำแหน่ง 0) คือปลายก้าน (Tip)
  • ด้านขวา (ตำแหน่ง 100) คือท้ายก้าน (Butt)
  • แกน Y แสดงค่าความแข็ง (EI Value) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปลายไปท้าย

กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าก้านมีความนุ่มช่วงปลาย ค่อย ๆ แข็งขึ้นไปเรื่อย ๆ และแข็งที่สุดที่ส่วนท้าย เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการลดสปินของลูกกอล์ฟ แต่ยังให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลเวลาสวิง

ความแม่นยำระดับสูง

สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดของ Project X LS คือค่าความสม่ำเสมอของก้าน (Radial Consistency) ที่สูงถึง 99.9% และมีความคลาดเคลื่อนน้อยมาก

ความแม่นยำระดับนี้ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าแต่ละก้านในเซ็ตให้ฟีลเหมือนกันหมด ไม่จำเป็นต้อง “pure” หรือจัดแนวเพิ่มเติมจากโรงงาน เพราะมันถูกผลิตมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

ค่า Set Stiffness Range สำคัญยังไง?

ก้านรุ่นนี้เป็นแบบ Flighted หรือมีการไล่ระดับความแข็งจากเหล็กยาวไปเหล็กสั้น เราเรียกความแตกต่างนี้ว่า Set Stiffness Range โดยในรุ่น LS อยู่ที่ประมาณ 12%–14%

ข้อดีของการไล่ระดับนี้คือ:

  • ก้านยาวนิ่มขึ้นเพื่อช่วยให้ลูกลอยง่าย
  • ก้านสั้นแข็งขึ้นเพื่อควบคุมลูกได้ดีใกล้กรีน
  • แต่ละก้านมีหน้าที่เฉพาะในถุงของคุณ

ใครที่ต้องการควบคุมการเล่นได้ทั้งเซ็ตจะรู้สึกถึงความแตกต่างทันที

ฟีลในการเล่นจริง

Project X LS ให้ความรู้สึกที่ชัดเจน ส่วนท้ายก้านแข็งมาก ทำให้รู้สึกมั่นคง แต่ไม่กระด้าง ส่วนกลางก้านนุ่มเล็กน้อย ส่วนปลายช่วยลดการหมุน ทำให้ก้านนี้รู้สึกแน่นแต่สวิงได้อย่างสบาย

บางคนชอบฟีลที่ soft-mid stiff-butt แบบนี้ บางคนอาจชอบก้านที่ไล่ความแข็งเท่า ๆ กันมากกว่า ถ้ายังไม่แน่ใจ ลองเทียบกับก้านอื่นที่ใกล้เคียงจะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

เหมาะกับใคร?

ก้านรุ่นนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นนักกอล์ฟที่มีพลัง สวิงเร็ว และต้องการลดการหมุนของลูก พร้อมควบคุมทิศทาง ก้านนี้อาจเหมาะกับคุณ

สรุป:

  • ความเร็วสวิง: ปานกลางถึงเร็ว
  • กำลัง: มีแรงสวิงดี หรือเล่นกีฬามาก่อน
  • จุดเด่นที่ต้องการ: ควบคุมทิศทาง ลดสปิน ลูกพุ่งนิ่ง
  • สไตล์การเล่น: ตีแม่น มั่นใจ ต้องการก้านที่ตอบสนองดีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับวงสวิงของคุณ