การดื้ออินซูลิน: ตัวชี้วัดจาก Triglycerides/HDL-C ที่เข้าใจง่าย

by | Sep 6, 2567 | Wellness

การดื้ออินซูลินเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่คนจำนวนมากอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญอยู่ แต่มีผลกระทบอย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน การทำความเข้าใจและตรวจจับภาวะนี้ได้ทันทีเป็นเรื่องสำคัญในการป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการประเมินความเสี่ยงของการดื้ออินซูลิน คือการใช้ค่าคำนวณระหว่าง Triglycerides หารด้วย HDL-C หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า TGL/HDL Ratio ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีซับซ้อนหรือค่าใช้จ่ายสูง วิธีนี้สามารถช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจสถานะสุขภาพของตนเองได้อย่างรวดเร็ว

Triglycerides และ HDL-C คืออะไร?

ก่อนที่จะลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับการคำนวณ TGL/HDL Ratio เรามาเข้าใจคำสองคำนี้ก่อน:

  • Triglycerides: ไตรกลีเซอไรด์คือไขมันในเลือดที่ร่างกายเก็บไว้จากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง เมื่อเรากินมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการพลังงาน ร่างกายจะเก็บสะสมพลังงานที่เหลืออยู่ในรูปของไตรกลีเซอไรด์

  • HDL-C (High-Density Lipoprotein Cholesterol): หรือที่มักเรียกว่า “คอเลสเตอรอลดี” มีบทบาทในการนำคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL-C) ออกจากกระแสเลือดและส่งไปยังตับเพื่อทำลาย HDL จึงเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

ทำไม TGL/HDL Ratio จึงเป็นตัวชี้วัดที่ดีของการดื้ออินซูลิน?

การคำนวณค่า Triglycerides หารด้วย HDL-C นั้นเป็นตัวชี้วัดที่ใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงของการดื้ออินซูลิน เพราะมันสามารถบอกได้ว่าไขมันในเลือดของคุณอยู่ในระดับปกติหรือไม่ หากค่า Triglycerides สูง และค่า HDL-C ต่ำ มีแนวโน้มว่าร่างกายของคุณกำลังดื้ออินซูลิน

การดื้ออินซูลินหมายถึงการที่ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากร่างกายดื้ออินซูลิน คุณจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 โรคอ้วน และโรคหลอดเลือดหัวใจ

ค่ามาตรฐานของ TGL/HDL Ratio

จากการศึกษาหลายแห่ง พบว่าการคำนวณ TGL/HDL Ratio ที่มีค่าเกิน 2 มักเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจสูงอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น:

  • หากคุณมีค่า Triglycerides อยู่ที่ 150 mg/dL และค่า HDL-C อยู่ที่ 50 mg/dL ค่า TGL/HDL Ratio ของคุณจะเท่ากับ 3 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคุณอาจมีการดื้ออินซูลิน
  • แต่ถ้าคุณมีค่า Triglycerides อยู่ที่ 100 mg/dL และค่า HDL-C อยู่ที่ 60 mg/dL ค่า TGL/HDL Ratio จะเท่ากับ 1.67 ซึ่งแสดงว่าคุณอยู่ในระดับที่ดี ในวงในของวงการ Wellness มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า ตัวเลขค่าดื้ออินซูลินนี้ หากเกิน 1.5 แสดงว่า คุณเริ่มมีภาวะ ดื้ออินซูลินแล้ว!

วิธีลดค่า TGL/HDL Ratio เพื่อป้องกันการดื้ออินซูลิน

หากคุณพบว่าค่าของคุณสูงเกินมาตรฐาน ไม่ต้องกังวลใจมากเกินไป มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำเพื่อลดความเสี่ยงของการดื้ออินซูลินได้ เช่น:

  1. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายแบบแอโรบิกสามารถช่วยลดค่า Triglycerides และเพิ่มค่า HDL-C ได้
  2. การลดน้ำหนัก: การลดน้ำหนัก 5-10% ของน้ำหนักตัวสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของอินซูลินและลดความเสี่ยง
  3. การเลือกอาหารที่ดี: ควรเลือกอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ปลาแซลมอน และลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์และคาร์โบไฮเดรตสูง
  4. เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำให้ HDL-C ลดลง และเพิ่มความเสี่ยงของการดื้ออินซูลินและโรคหัวใจ
  5. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจทำให้ Triglycerides สูงขึ้น

ตัวอย่างผลตรวจเลือดตัวผมเอง มีภาวะดื้ออินซูลิน

ตัวเลขค่าดื้ออินซูลินของผมอยู่ที่

TGL/HDL Ratio = 182/55 = 3.3!

ตอนนั้น เริ่มมีอาการบ้านหมุน รู้สึกไม่ค่อยสบายบ่อย

ผลเลือด ดื้ออินซูลิน

โชคดีที่ได้รู้จักพี่คนหนึ่ง แนะนำวิธีการดูแลตัวเอง ใช้สารอาหารธรรมชาติบำบัด ออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร ล่าสุดผลเลือดปี 2567 กลับมาปกติ

ผลเลือด ดีชึ้น ไม่ดื้ออินซูลิน

สรุป

การคำนวณค่า Triglycerides หารด้วย HDL-C เป็นวิธีที่ง่ายแต่มีความแม่นยำสูง ค่าใช้จ่ายน้อย ในการประเมินความเสี่ยงของการดื้ออินซูลิน หากผลการคำนวณออกมาว่าค่าของคุณสูงกว่ามาตรฐาน (เกิน 1.5) นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคร้ายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ

แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมคือ โรคเส้นเลือดในสมองตีบ ถ้ามันแตกและทำให้เสียชีวิตทันที ก็อาจจะจบลงตรงนั้น แต่ถ้าเกิดการตีบตันขึ้นและส่งผลให้อัมพาต นั่นคือความทรมานที่ไม่เพียงส่งผลต่อตัวผู้ป่วยเอง แต่ยังกลายเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสสำหรับลูกหลานด้วย ผมเคยมีพี่ชายที่ต้องต่อสู้กับโรคอัมพาตมาเป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งเสียชีวิต จึงรู้ดีว่ามันส่งผลอย่างไรบ้าง

การดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้องซับซ้อนมาก แค่ตรวจเลือดหาค่า Blood sugar, HbA1c, total cholesterol, triglycerides, HDL-C, LDL-C แค่ 6 ค่านี้ (ค่าตรวจเพียง 800 บาทเท่านั้น) ก็เพียงพอที่จะรู้ภาพรวมของสุขภาพของเราแล้ว ผมหวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้เพื่อน ๆ หลายคนหันกลับมาใส่ใจสุขภาพของตัวเอง อย่าประมาทเลยครับ

theMindset

เรียนรู้ "วิธีคิดที่ถูกต้อง" จากคนสำเร็จระดับโลก

เริ่มต้นจาก "วิธีคิดที่ถูกต้อง" แล้วทุกอย่างมันจะง่าย คุณจะเข้าใจและไม่ไปหลงกับ แสง สี เสียง ที่มันไม่ตอบโจทย์ชีวิตคุณ

You have Successfully Subscribed!