การฟิตติ้งไม้กอล์ฟ: เปิดเผยความจริงและระดับการฟิตติ้งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่น

การฟิตติ้งไม้กอล์ฟ: เปิดเผยความจริงและระดับการฟิตติ้งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่น

การฟิตติ้งไม้กอล์ฟ เป็นคำที่นักกอล์ฟมักได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ แต่หลายคนอาจไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง มีการถกเถียงกันมากมายในสื่อโซเชียลต่างๆ โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นว่าการฟิตติ้งไม้กอล์ฟอาจไม่ทำให้เกิดผลลัพธ์ตามที่นักกอล์ฟคาดหวัง บทความนี้จะเจาะลึกถึงกระบวนการฟิตติ้งไม้กอล์ฟในระดับต่าง ๆ และเราจะใช้คำแนะนำจาก Tom Wishon ผู้เชี่ยวชาญด้านการการฟิตติ้งไม้กอล์ฟ มาอธิบายถึงสิ่งที่คุณควรคาดหวังจากกระบวนการฟิตติ้งนี้

การฟิตติ้งไม้กอล์ฟแบบกำหนดเองคืออะไร?

การฟิตติ้งไม้กอล์ฟแบบกำหนดเอง ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยิบไม้กอล์ฟจากชั้นแล้วจ่ายเงินนะครับ! จริง ๆ แล้วมันเป็นการปรับแต่งไม้กอล์ฟให้เหมาะกับตัวคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นสวิง ความเร็วในการตี หรือแม้แต่แนวทางการเล่นของคุณ มันต้องมีการวิเคราะห์และปรับแต่งแบบละเอียดมาก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม้กอล์ฟที่คุณใช้จะช่วยให้คุณเล่นได้ดีที่สุด

Tom Wishon ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟิตติ้งไม้กอล์ฟ ได้บอกว่ามีการฟิตติ้ง 5 ระดับ โดยแต่ละระดับมีความละเอียดในการปรับแต่งที่ต่างกัน เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละระดับเป็นอย่างไรบ้าง!

5 ระดับของการฟิตติ้งไม้กอล์ฟ

ระดับ 1 – การฟิตติ้งแบบพื้นฐานสุดๆ

นี่คือระดับที่พื้นฐานมาก ๆ อาจจะเป็นการฟิตติ้งที่เจอกันในโปรช็อป หรือไม่ก็เว็บของผู้ผลิตไม้กอล์ฟที่ให้เราตอบคำถามบางข้อเกี่ยวกับการเล่นของเรา แล้วก็นำมาปรับแต่งไม้กอล์ฟให้เข้ากับเรา แต่จริง ๆ แล้วการปรับแต่งแบบนี้ยังไม่ค่อยละเอียดนะครับ ส่วนใหญ่จะไม่มีการวัดความเร็วในการสวิง และการปรับแต่งจะเน้นแค่บางจุด เช่น การปรับองศาไดรเวอร์ อาจจะดีกว่าการซื้อไม้แบบสำเร็จ แต่ถ้าหวังว่าจะช่วยให้คุณเล่นได้ดีขึ้นเยอะ คงยังไม่ถึงขั้นนั้น

ระดับ 2 – ใช้ Launch Monitor เพิ่มความแม่นยำ

ระดับนี้เริ่มมีการใช้เครื่องมือวัด Launch Monitor เข้ามาช่วยวิเคราะห์ เช่น วัดการหมุนของลูก มุมการตี และอื่น ๆ การปรับแต่งก็จะเริ่มมีมากขึ้น เช่น การตั้งมุมหน้าไม้ไดรเวอร์ หรือเลือกก้านไม้ที่เหมาะกับคุณ แต่ยังไม่ถึงขั้นละเอียดมากนะครับ เหมือนเป็นขั้นต่อจากระดับแรก แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการฟิตติ้งแบบเต็มที่

ระดับ 3 – การฟิตติ้งแบบครบวงจร

นี่แหละครับที่เรากำลังจะพูดถึงการฟิตติ้งแบบจริงจัง club fitter จะสัมภาษณ์คุณอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจสไตล์การเล่นของคุณ จากนั้นจะวัดความเร็วการสวิงทั้งกับไดรเวอร์และเหล็ก และจะมีการทดสอบก้านไม้หลาย ๆ แบบ เพื่อหาว่าอะไรที่เข้ากับคุณที่สุด การฟิตติ้งแบบนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมง และในบางครั้งอาจต้องกลับมาทำซ้ำอีก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือคุณจะได้ไม้กอล์ฟที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดแน่นอน!

ระดับ 4 – การฟิตติ้งขั้นสูง

ระดับนี้คือการฟิตติ้งที่ละเอียดมากขึ้น รวมทุกอย่างจากระดับ 3 แล้วเพิ่มความแม่นยำในการปรับแต่งให้ดียิ่งขึ้น การวิเคราะห์ไม้กอล์ฟปัจจุบันของคุณอย่างละเอียด และสร้างไม้กอล์ฟใหม่ที่ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น การปรับความถี่ของก้านไม้และการตั้งค่า MOI ของไม้ การฟิตติ้งระดับนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ไม้กอล์ฟของตัวเองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพกับสวิงของตัวเอง

ระดับ 5 – การฟิตติ้งสำหรับนักกอล์ฟระดับโปร

นี่คือระดับสุดยอดสำหรับนักกอล์ฟมืออาชีพที่ต้องการการฟิตติ้งแบบละเอียดที่สุด ไม้กอล์ฟทุกชิ้นจะถูกปรับแต่งตามความต้องการของนักกอล์ฟโดยเฉพาะ เช่น การตะใบเหล็กให้เข้ากับความต้องการ หรือแม้กระทั่งการปรับแต่งหัวไม้ การฟิตติ้งแบบนี้มักทำให้กับนักกอล์ฟที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ใหญ่ๆ

การอัปเดตจาก Tom Wishon

Tom Wishon ได้แชร์ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของการฟิตติ้ง 5 ระดับ และเสนอว่าอาจลดจำนวนระดับลงเหลือ 4 ระดับ เพื่อให้นักกอล์ฟเข้าใจง่ายขึ้น การปรับเปลี่ยนจะเป็นแบบนี้:

ระดับ 1: การฟิตติ้งพื้นฐานที่คุณอาจเจอในร้านกอล์ฟ มีการปรับแต่งเพียงบางจุดและสำหรับไม้บางชิ้นเท่านั้น เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้เวลาเยอะในการฟิตติ้ง

ระดับ 2: มีการฟิตติ้งที่อิงจากการตอบคำถาม แม้ว่าคุณจะไม่ได้สวิงจริง ๆ แต่การ club fitter สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำที่ดีได้

ระดับ 3: การฟิตติ้งแบบครบวงจรที่มีการสัมภาษณ์ วัดความเร็วในการสวิง และใช้เครื่องมือวัด Launch Monitor

ระดับ 4: การฟิตติ้งระดับโปร ที่มีการปรับแต่งทุกอย่างตามความต้องการของนักกอล์ฟโดยเฉพาะ

ทำไมการฟิตติ้งถึงสำคัญ?

นักกอล์ฟหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมการฟิตติ้งถึงมีความสำคัญ แต่จริง ๆ แล้วมันคือกระบวนการที่สามารถทำให้คุณเล่นได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน หากคุณต้องการปรับปรุงการเล่นของคุณ การฟิตติ้งในระดับ 3 ขึ้นไปคือสิ่งที่คุณควรเลือก

สรุป

การฟิตติ้งไม้กอล์ฟไม่ได้เป็นเพียงแค่คำโฆษณา แต่มันเป็นกระบวนการที่ช่วยให้นักกอล์ฟสามารถเล่นได้ดีขึ้น ถ้าคุณต้องการให้การเล่นของคุณก้าวไปอีกขั้น อย่าลังเลที่จะเลือกการฟิตติ้งระดับ 3 ขึ้นไป เพื่อให้มั่นใจว่าไม้กอล์ฟที่คุณใช้เหมาะสมกับคุณมากที่สุด!

พื้นฐานก้านไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูด

พื้นฐานก้านไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูด

ก้านไม้กอล์ฟที่ใช้ในไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูดในปัจจุบันส่วนใหญ่จะทำจากวัสดุกราไฟต์ เนื่องจากกราไฟต์มีคุณสมบัติที่ช่วยปรับประสิทธิภาพของก้านไม้กอล์ฟให้เหมาะสมกับนักกอล์ฟที่มีความแข็งแรงและทักษะที่แตกต่างกัน คุณสมบัติที่สามารถปรับได้หลายประการ ได้แก่ ความแข็งของก้านที่ก้น (butt flex), โปรไฟล์ความยืดหยุ่นของก้าน (shaft flex profile) และน้ำหนักของก้านไม้กอล์ฟ (shaft weight) เราจะมาเจาะลึกคุณสมบัติสำคัญเหล่านี้กัน

ความแข็งที่ก้นก้าน (Butt Flex)

หลายคนมักจะเลือกซื้อไดรเวอร์ตามความแข็งของก้านที่บริเวณก้นของก้าน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญว่าก้านนั้นเหมาะสมกับผู้เล่นหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วก้านไม้กอล์ฟไม่มียืดหยุ่นแบบเดียวกันตลอดทั้งก้าน หากเราวัดความแข็งของก้านห่างจากหัวไม้ 45 นิ้ว กับห่างจากปลายไม้ 15 นิ้ว ค่าความแข็งอาจแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด นักกอล์ฟบางคนอาจจะตีได้ดีถ้าใช้ก้านที่มีความแข็งทั้งก้นและปลาย แต่ในขณะเดียวกันอาจจะพบปัญหาเมื่อลองใช้ก้านที่มีความแข็งที่ก้นแต่ปลายนุ่ม นักกอล์ฟมืออาชีพและนักกอล์ฟฝีมือดีหลายคนมักจะปรึกษา club fittter มืออาชีพเพื่อหาก้านที่มีโปรไฟล์ความยืดหยุ่นเหมาะสมกับสไตล์การตีของตัวเอง

โปรไฟล์ความยืดหยุ่นของก้าน (Shaft Flex Profile)

โปรไฟล์ความยืดหยุ่นของก้านเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะมันไม่ใช่แค่การวัดความแข็ง-นุ่มในจุดใดจุดหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการกระจายความยืดหยุ่นทั่วทั้งก้าน นักกอล์ฟบางคนอาจจะชอบก้านที่มีความแข็งที่ก้นและนุ่มที่ปลาย เพราะจะช่วยให้ตีลูกกอล์ฟลอยง่ายขึ้น สวิงสบายๆ ในขณะที่นักกอล์ฟที่ตีแรงๆ อาจจะต้องการก้านที่แข็งทั้งก้นและปลายเพื่อช่วยควบคุมความแม่นยำในการตี

น้ำหนักของก้าน (Shaft Weight)

น้ำหนักของก้านกอล์ฟนั้นสำคัญกว่าที่คุณคิด น้ำหนักของก้านสามารถส่งผลต่อสวิงและความรู้สึกเวลาตีได้เลย ก้านกราไฟต์ทั่วไปที่ใช้กับไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูดมีน้ำหนักประมาณ 50 ถึง 100 กรัม แต่ก้านที่เบาๆ ประมาณ 40 กรัม ก็เริ่มมีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้นักกอล์ฟสร้างความเร็วในการสวิงได้มากขึ้น

ขนาดปลายก้าน (Shaft Tip Diameter)

ไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูดคุณภาพสูงส่วนใหญ่จะมีขนาดปลายก้านที่ 0.335 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับการสร้างความสมดุลในประสิทธิภาพการตี นักกอล์ฟมืออาชีพในพีจีเอทัวร์มักจะใช้ก้านที่มีปลายขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ไดรเวอร์ที่ผลิตออกมาสำหรับผู้เล่นทั่วไปในท้องตลาด (ก้านที่ติดหัวมา OEM) อาจใช้ก้านที่มีปลายขนาดใหญ่กว่า เช่น 0.350 นิ้ว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่ก้านจะหักเมื่อได้รับแรงกระแทกจากการตีแรงๆ

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ ไดรเวอร์ที่นักกอล์ฟในพีจีเอทัวร์ใช้นั้นมักจะถูกปรับแต่งให้มีคุณสมบัติแตกต่างจากที่วางขายในท้องตลาดทั่วไป ซึ่งไดรเวอร์ที่มืออาชีพใช้มักจะมีขนาดปลายก้านเล็กกว่าที่มีจำหน่ายสำหรับผู้เล่นทั่วไป

สรุป

การเลือกก้านไม้กอล์ฟที่เหมาะสมกับไดรเวอร์และแฟร์เวย์วูดไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความแข็งหรือความยืดหยุ่น แต่ยังรวมถึงน้ำหนักและขนาดปลายก้าน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการฟิตก้านไม้กอล์ฟสามารถช่วยให้นักกอล์ฟค้นหาก้านที่เหมาะสมกับสไตล์การตีของตัวเองได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นก้านที่แข็งที่ก้น นุ่มที่ปลาย หรือมีน้ำหนักที่เบา การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโปรไฟล์ความยืดหยุ่นและคุณสมบัติอื่นๆ จะช่วยให้นักกอล์ฟพัฒนาผลการเล่นและเพลิดเพลินไปกับการเล่นกอล์ฟได้อย่างเต็มที่

Fundamental of Golf Club Fitting

Fundamental of Golf Club Fitting

คำถามสำคัญ golf club fitting จำเป็นสำหรับนักกอล์ฟมือใหม่หรือไม่

คำตอบคือ จำเป็นมากครับ เพราะมันจะทำให้เรียนกอล์ฟได้สนุก และมีพัฒนาการได้เร็วขึ้น หากไม้กอล์ฟไม่เหมาะสม ยากครับ เผลอๆทำให้เลิกเล่นไปเลย เพราะมันตีไม่ได้

ในวงการ Club Fitting มันมีตัวแปรอยู่ 21 ตัว ที่ใช้ fitting ไม้กอล์ฟ แต่มันไม่จำเป็นต้องใช้ทุกตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับระดับฝีมือของนักกอล์ฟด้วย หากเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี serious golfers หรือระดับ Tour Pros ก็จัดเต็มได้เลย สำหรับบทความนี้ จะเน้นไปที่นักกอล์ฟมือใหม่ครับ

หากคุณกำลังจะหัดเล่นกอล์ฟ นอกจากต้องหา Golf Intructor ที่มีประสบการณ์สอนกอล์ฟแล้ว ปัจจัยสำคัญมากที่จะทำให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้นในกีฬากอล์ฟก็คือ club fitting หรือการเลือกใช้ไม้กอล์ฟให้เหมาะสมนั่นเอง

  1. Clubhead loft
  2. Clubhead lie angle
  3. Clubhead bulge (woods only)
  4. Clubhead roll (woods only)
  5. Club head sole angle (irons only)
  6. Clubhead face angle (woods only)
  7. Clubhead hosel offset
  8. Clubhead material and design
  9. Shaft flex
  10. Shaft torque
  11. Shaft weight
  12. Shaft spine alignment
  13. Shaft flex profile
  14. Shaft material composition and design
  15. Grip size
  16. Grip weight
  17. Grip material composition and design
  18. Club length
  19. Club swingweight / moment of inertia
  20. Club total weight
  21. Club set makeup

ตัวแปร club fitting ด้านบนทั้ง 21 ตัวนั้น สำหรับนักกอล์ฟมือใหม่ ผมให้แนวทางในการเลือกไม้กอล์ฟดังนี้ครับ

และในบทความนี้ ผมจะใช้การเลือกไดรเวอร์ ซึ่งเป็นไม้กอล์ฟที่ใช่บ่อยที่สุดในถุง เป็นตัวอธิบาย

Clubhead loft

ในไดร์เวอร์ ควรเลือกใช้ loft สูงไว้ก่อน เช่น 12 องศา หรือ มากกว่านี้ แนะนำให้เข้าไปอ่านบทความเรื่อง Driver loft เท่าไหร่ดี จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

Shaft flex

การเลือกความแข็งอ่อนของก้านไม้กอล์ฟ เอาแบบง่ายๆนะครับ เลือกใช้ก้านที่อ่อนๆไว้ก่อน เช่น Regular flex หรือ บนก้านไม้กอล์ฟ จะเขียนว่า R-Flex นั่นแหละ พวกก้าน ที่แข็งกว่านี้ เช่น S หรือ Stiff  ตัดทิ้งไปก่อนครับ จากตารางด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างสเปคก้านไดรเวอร์ Fujikura Speeder NX  ผมแนะนำให้เลือกใช้ Flex R2 ครับ ตีได้แน่นอน ในตารางด้านล่างมันคือรุ่น Speeder NX Blue 40 นั่นเอง

ตัวอย่างสเปคก้านไม้กอล์ฟ

Shaft weight

น้ำหนักของก้านไม้กอล์ฟ เป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะมันมีผลต่อน้ำหนักรวมของไม้กอล์ฟ  มือใหม่ เลือกก้านมีน้ำหนักเบาไว้ก่อน จะได้สวิงง่าย ในตารางสเปคก้านไดรเวอร์ด้านบน อาจเลือกใช้ น้ำหนักก้าน 45.5 กรัม Flex R2 หรือ 51.5 กรัม Flex R เป็นต้น

Shaft spine alignment

ก้านไม้กอล์ฟมันไม่ได้กลมอย่างที่เราเห็นนะครับ เดิมทีมันเป็นแผ่นแล้วนำมาม้วนขึ้นรูปเป็นทรงกระบอก มีรูตรงกลาง ดังนั้นมันจะมีรอยต่อ การหา spine alignment หรือแนวดีดก้านที่เหมาะสม จำเป็นมาก เวลาหัวไม้กอล์ฟเข้าปะทะลูก จะได้มั่นใจว่า ก้านมันทำงานเต็มประสิทธิภาพ

Grip size

ขนาดกริปเป็นตัวแปรที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่ง มือของคนเรามีขนาดมือไม่เท่ากัน ความยาวนิ้ว ไม่เท่ากัน ดังนั้น grip ที่เหมาะสม จะทำให้เราพัฒนาได้เร็วขึ้น Good grip = Good golf

Grip sizer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกขนาดกริปให้เหมาะสม หลักการของมันง่ายมาก แค่เอามือที่จับด้ามกริปไปวางทาบบน grip sizer เราจะได้ขนาดกริปที่  พอดีกับตัวเรา

grip sizer

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ขนาดกริปตามที่ Grip sizer แนะนำแล้ว เพื่อนนักกอล์ฟต้องลองจับกริปดูด้วย ดูอะไรบ้าง ตามรูปข้างล่างนี้เลยครับ

ขนาด golf grip ที่เหมาะสม

สังเกต 2 นิ้ว คือ นิ้วกลางและนิ้วนาง ควรแตะบริเวณ ฝ่ามือพอดี ถึงจะเรียกว่า ขนาดกริปเหมาะสม ถ้านิ้วทั้ง 2 แตะไม่ถึงอุ้งมือ แสดงว่าขนาดกริปใหญ่เกินไป ตรงกันข้าม หากนิ้วทั้ง 2 กดจิก ลงบนอุ้งมือ แสดงว่าขนาดกริป เล็กเกินไป อย่าลืมใส่ถุงมือกอล์ฟด้วยนะครับ

แต่ในสมัยนี้ มีนักกอล์ฟมากมายทั้งใน LPGA, PGA เลือกใช้ขนาดกริป แบบขนาดใหญ่  เช่น bryson dechambeau ใช้ grip ยี่ห้อ JumboMax ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม  (ผมก็ใช้ JumboMax ครับ)

ดังนั้น ต้องลองทดสอบด้วยตัวเองครับ ว่า ขนาดกริปแบบไหนเหมาะสมกับตัวเราที่สุด

Club length

ความยาวของไม้กอล์ฟเป้นตัวแปรสำคัญอีกตัวหนึ่ง ความยาวของไดรเวอร์ตามท้องตลาด ส่วนมากจะมีความยาว 45 หรือ 46 นิ้ว ซึ่งไม่เหมาะกับนักกอล์ฟมือใหม่ๆอย่างแน่นอน มันยาวไปครับ ตียาก

นักกอล์ฟระดับ PGA Tour ความยาวไดรเวอร์เฉลี่ยที่พวกเขาเลือกใช้จะอยู่ประมาณ 44.75 นิ้ว เท่านั้นเอง

ดังนั้น นักกอล์ฟมือใหม่ควรหาร้าน club fitting ตัดก้านทำความยาวใหม่เหมาะสม แนะนำ 44.5 นิ้วก็คือ และอย่าลืมบอกให้ช่าง ถ่วงสวิงเวจเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะความยาวก้านไม้กอล์ฟลดลง  ต้องทำ balance หรือ ถ่วงสวิงเวจใหม่ครับ