รู้หรือไม่? เลคติน (Lectins) ทำร้ายลำไส้ อินซูลิน และภูมิคุ้มกันของคุณ

รู้หรือไม่? เลคติน (Lectins) ทำร้ายลำไส้ อินซูลิน และภูมิคุ้มกันของคุณ

เลคตินเป็นโปรตีนขนาดเล็กที่พบในอาหารหลายชนิดที่เรากินทุกวัน ถึงแม้จะเป็นสิ่งธรรมชาติ แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร น้ำตาลในเลือด และระบบภูมิคุ้มกันได้ ถ้าคุณเคยรู้สึกท้องอืด เหนื่อยง่าย หรือมีปัญหาน้ำตาลในเลือด เลคตินอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่คุณไม่รู้ตัวมาก่อน

วิดีโอต้นฉบับ

How Lectins Disrupt Insulin, Gut Health, and Immunity with Dr. Ben Bikman

วิธีการเปิด ซับไตเติล กดเล่นวิดีโอ หมุนโทรศัพท์ให้อยู่ในแนวนอน มองหา CC แล้วเลือก ภาษาไทย

เลคตินคืออะไร อยู่ในอาหารอะไรบ้าง?

เลคตินคือโปรตีนที่จับกับน้ำตาลในร่างกาย พบได้มากในอาหารจากพืช โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น

  • ถั่ว (เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ)
  • ธัญพืช (ข้าวสาลี ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์)
  • ถั่วลิสง และถั่วเลนทิล
  • มะเขือเทศ มันฝรั่ง มะเขือม่วง
  • เมล็ดพืช และถั่วเปลือกแข็งบางชนิด

พืชสร้างเลคตินขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวจากแมลงหรือสัตว์กินพืช แต่ถ้าเรากินอาหารเหล่านี้แบบไม่สุกพอ เลคตินจะยังคงอยู่และอาจทำร้ายร่างกายได้

เลคตินกับลำไส้: ทำไมถึงเกิด “ลำไส้รั่ว”

ผนังลำไส้ของเราทำหน้าที่กรองสิ่งที่จะเข้าไปในร่างกาย ถ้าเลคตินไปทำลายผนังนี้ มันจะทำให้ลำไส้รั่ว

เมื่อเกิดลำไส้รั่ว แบคทีเรียและสารพิษจะเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และทำให้อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือโรคภูมิคุ้มกันในลำไส้แย่ลงได้

เลคตินมีผลกับอินซูลินและน้ำตาลในเลือดอย่างไร

อินซูลินคือฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายใช้กลูโคส (น้ำตาล) ได้อย่างเหมาะสม
เลคตินบางชนิด เช่น WGA ที่อยู่ในข้าวสาลีเต็มเมล็ด สามารถเลียนแบบอินซูลินได้

ในปริมาณน้อย เลคตินอาจกระตุ้นเซลล์ให้ทำงานเหมือนมีอินซูลิน
แต่ถ้ามีมากเกินไป เลคตินจะรบกวนการทำงานของอินซูลินจริง ๆ
ส่งผลให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้น้อยลง และทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน

เลคตินทำให้ร่างกายอ้วนและอักเสบได้อย่างไร

แม้จะกินไม่เยอะ แต่ถ้ารับเลคตินมาก ก็ยังทำให้น้ำหนักขึ้นได้

การศึกษากับสัตว์พบว่าอาหารที่มีเลคตินสูงทำให้มีไขมันสะสมเพิ่มขึ้น และเกิดการอักเสบในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคอ้วนและภาวะดื้ออินซูลิน

เลคตินกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

เลคตินยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจอีกด้วย เพราะมันทำให้เกล็ดเลือดเกาะกันแน่นขึ้น
ซึ่งอาจนำไปสู่ลิ่มเลือด อุดตันเส้นเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจ

นอกจากนี้ เลคตินยังทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ และทำให้เม็ดเลือดขาวติดตามผนังหลอดเลือด
เป็นขั้นตอนสำคัญของการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือด (atherosclerosis)

เลคตินกับตับและภูมิคุ้มกัน

เมื่อผนังลำไส้รั่ว สารพิษจากแบคทีเรีย เช่น LPS จะเข้าสู่ตับ ทำให้เกิดการอักเสบ
และทำให้ตับดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดไขมันสะสมในตับ (ไขมันพอกตับ)

เลคตินยังอาจกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ “สับสน” คิดว่าเซลล์ในร่างกายเป็นศัตรู
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคแพ้ภูมิตัวเอง เช่น SLE หรือรูมาตอยด์

เราจะป้องกันตัวเองจากเลคตินได้อย่างไร

ข่าวดีคือ การปรุงอาหารช่วยลดเลคตินได้มาก
วิธีอย่างการต้ม การอบด้วยแรงดัน และการหมัก สามารถลดเลคตินได้ถึง 95%

แต่บางคนอาจยังไวต่อเลคตินอยู่
โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาลำไส้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือภาวะดื้ออินซูลิน

คุณอาจพิจารณาลดการกินอาหารที่มีเลคตินสูง เช่น ถั่ว ธัญพืชไม่สุกดี หรือข้าวสาลี
และติดตามสุขภาพด้วยการตรวจเลือด เช่น

  • ระดับน้ำตาลและอินซูลินขณะอดอาหาร
  • ค่าการอักเสบ เช่น CRP
  • ค่าไซโตไคน์ (IL-6, TNF-alpha)

สรุป

เลคตินอาจดูเหมือนเป็นส่วนเล็ก ๆ ของอาหาร
แต่มีผลกระทบใหญ่ต่อสุขภาพของเรา
ตั้งแต่ลำไส้ ตับ น้ำตาลในเลือด จนถึงหัวใจ

การทำอาหารให้สุก และเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสม
สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และลดความเสี่ยงจากเลคตินได้ในระยะยาว

รายละเอียดดูในวิดีโอของบนครับ Dr.Bikman อธิบายไว้ละเอียดเข้าใจง่าย

11 เคล็ดลับสุขภาพที่เห็นผลภายในไม่กี่วินาที

11 เคล็ดลับสุขภาพที่เห็นผลภายในไม่กี่วินาที

บางครั้งเราแค่อยากรู้สึกดีขึ้นแบบเร็วๆ

ไม่ว่าจะเป็นอาการมึนๆ เครียด หรือปวดเมื่อยตามตัว ข่าวดีคือ มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ในเวลาไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องใช้ยา ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ แค่ใช้ลมหายใจ มือ หรือของที่มีอยู่แล้วในบ้าน

มาดู 11 เคล็ดลับที่คุณสามารถลองทำได้ทันที

กินโปรตีนเพื่อเคลียร์สมองให้โล่ง

ถ้ารู้สึกมึนๆ คิดอะไรไม่ออก อาจเป็นเพราะร่างกายขาดโปรตีน

อาการ “สมองเบลอ” มักเกิดหลังจากที่ระดับน้ำตาลในเลือดตก ซึ่งมักมาจากการกินแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป วิธีแก้คือกินโปรตีนจากสัตว์ เช่น:

  • เนื้อวัว
  • ไข่
  • ไก่
  • ปลา

โปรตีนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และเติมพลังให้สมอง บางครั้งแค่ไม่ถึงนาที คุณก็รู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว

หายใจช้าๆ เพื่อลดความเครียด

เวลาที่คุณเครียด การหายใจจะถี่และเร็ว ซึ่งทำให้ร่างกายรับออกซิเจนมากเกินไปและมีคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไม่พอ ทั้งที่ร่างกายต้องการ CO2 เพื่อให้เซลล์ใช้ออกซิเจนได้ดีขึ้น

ลองทำแบบนี้:

  • หายใจทางจมูกช้าๆ
  • เว้นจังหวะระหว่างลมหายใจ
  • เน้นการหายใจออกให้ยาวขึ้น

เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณรู้สึกสงบลงได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นด้วย

กดจุดใต้ชายโครงขวาเพื่อช่วยย่อยอาหาร

รู้สึกแน่นท้องหรืออึดอัดหลังมื้ออาหารใช่ไหม?

ลองใช้นิ้วกดเบาๆ ที่ใต้ชายโครงด้านขวา ห่างจากแนวกลางลำตัวประมาณ 1 นิ้ว ค่อยๆ คลำจนเจอจุดที่รู้สึกตึงๆ

กดค้างไว้นาน 1–2 นาที

จุดนี้เชื่อมกับตับอ่อน ตับ และถุงน้ำดี ช่วยให้ของเหลวในระบบย่อยอาหารไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยลดแรงกดในช่องท้องหรืออาการปวดหัวไหล่ขวาได้ด้วย

กดจุดตรงข้ามเพื่อบรรเทาอาการปวด

หากคุณรู้สึกปวดบริเวณใด ให้ลองกดนวดจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของร่างกาย

เช่น ถ้านิ้วโป้งมือซ้ายปวด ให้ลองนวดจุดเดียวกันที่นิ้วโป้งขวา หรือหากปวดหลัง ให้กดนวดที่หน้าอกในระดับเดียวกันกับจุดที่ปวดหลัง

จุดตรงข้ามมักจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่การกดค้างไว้ 20 วินาที จะช่วยลดความปวดได้เร็วมาก

ยืดกล้ามเนื้อมัดตรงข้าม

กล้ามเนื้อตึงหรือขยับไม่ถนัด?

แทนที่จะยืดกล้ามเนื้อที่ตึงโดยตรง ให้ยืดกล้ามเนื้อฝั่งตรงข้ามแทน เช่น ถ้าเงยคอไม่ได้ ให้ลองก้มคอลงช้าๆ แทน

วิธีนี้ช่วยให้ร่างกายสมดุล และลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อได้โดยไม่ต้องฝืน

วางเกลือทะเลใต้ลิ้นเพื่อเติมพลัง

รู้สึกหมดแรงหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงใช่ไหม?

ลองหยิบเกลือทะเลเล็กน้อย วางไว้ใต้ลิ้น

เกลือทะเลมีโซเดียมและแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีขึ้น ถ้าร่างกายขาดเกลือแร่ กล้ามเนื้อจะรู้สึกอ่อนแรงหรือเหนื่อยง่าย

เทคนิคนี้ช่วยให้ฟื้นตัวได้ไว และยังใช้เกลือผสมน้ำดื่มแทนได้ด้วย

เคล็ดลับอื่นๆ ที่ช่วยได้ทันที

นอกจากวิธีข้างต้น ยังมีเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยเรื่องการนอน การย่อยอาหาร ปวดข้อ ปวดหัว และจมูกอุดตัน:

  • กดจุดท้ายทอยเพื่อช่วยให้นอนหลับ: กดจุดเบาๆ ที่ฐานกะโหลกช่วยให้ผ่อนคลายก่อนนอนได้
  • น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลช่วยย่อย: ผสมน้ำดื่มก่อนมื้ออาหาร
  • ยืดพังผืดเพื่อลดปวดข้อ: ใช้ท่ากายบริหารง่ายๆ เพื่อคลายจุดตึง
  • นวดเบาๆ บริเวณอาการบาดเจ็บเก่า: ช่วยลดอาการปวดหัวที่เกิดจากอุบัติเหตุในอดีต
  • กดดึงจมูกเบาๆ: ช่วยลดอาการแน่นจมูกหรือปัญหาการหายใจจากโพรงไซนัส

ทุกวิธีนี้ง่าย ปลอดภัย และใช้ร่างกายของคุณเองในการฟื้นฟูตัวเอง

สรุป

บางครั้ง การดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก

เคล็ดลับทั้ง 11 ข้อนี้เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที ก็ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ทันที

ลองเลือก 1 วิธี แล้วดูว่าร่างกายของคุณตอบสนองอย่างไร

PS: นับรวมข้อย่อยด้วยนะ เดี๋ยวจะงงว่า เคล็ดลับไม่ครบ 11 ข้อ 🙂

รีวิวก้าน Fujikura PRO Black – ก้าน Low/Low ที่ตีง่ายกว่าที่คิด

รีวิวก้าน Fujikura PRO Black – ก้าน Low/Low ที่ตีง่ายกว่าที่คิด

ถ้าคุณกำลังมองหาก้านไดรเวอร์ที่ให้วิถีลูกต่ำและสปินต่ำ หลายรุ่นในตลาดอาจจะรู้สึกแข็งเกินไปหรือตีได้ยาก แต่ Fujikura PRO Black ไม่เป็นแบบนั้น ก้านรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้นักกอล์ฟได้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวลขึ้น แต่ยังคงได้ผลลัพธ์ที่ทรงพลัง มาดูกันว่าเพราะอะไรหลายคนถึงชอบมัน

เหมาะกับใคร?

ไม่ใช่นักกอล์ฟทุกคนที่มีสปีดวงสวิงเท่ามือโปร และก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก้านที่แข็งสุดๆ เพื่อควบคุมลูกเช่นกัน PRO Black จึงเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความคอนโทรลและสปินที่น้อยลง แต่ยังคงตีได้อย่างสบาย

ถ้าคุณเคยลองก้านแบบ Ventus Black แล้วรู้สึกว่ามันตียาก PRO Black อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะให้ฟีลลิ่งที่อ่อนโยนกว่า แต่ยังได้วิถีลูกที่พุ่งแรงและนิ่ง

ความรู้สึกตอนจับและสวิง

ก้านรุ่นนี้ให้ความรู้สึกที่ต่างจากก้าน low/low ทั่วไป มันไม่แข็งจนเกินไป และยังให้แรงดีดใต้มือจับที่ชัดเจน ช่วยให้คุณสวิงได้ง่ายขึ้น

โดยปกติก้าน low/low จะนุ่มที่ปลายด้ามและแข็งที่ปลายหัวไม้ แต่ PRO Black แตกต่างออกไป มันแข็งทั้งที่ปลายและตรงด้าม แต่ยังมีแรงดีดบริเวณกึ่งกลาง ช่วยให้รู้สึกสวิงได้อย่างอิสระ ไม่ต้องฝืน

ผลงานในสนาม

เมื่อลองใช้ในสนามจริง PRO Black ให้วิถีลูกที่นิ่งและแรง ลูกออกจากหน้าไม้ต่ำกว่าปกติ ซึ่งช่วยมากเวลาตีในลมแรง ถ้าคุณเคยเจอปัญหาลูกลอยสูงจนเสียระยะ ก้านนี้จะช่วยลดปัญหานั้นได้

แม้ว่าสปินอาจจะไม่ต่ำเท่าก้านรุ่นท็อปอย่าง Ventus แต่สำหรับนักกอล์ฟส่วนใหญ่ ระดับสปินที่ PRO Black ให้ก็นับว่าต่ำพอสำหรับการควบคุมลูก

ความนิ่งและการให้อภัย

ข้อดีอีกอย่างคือความนิ่ง แม้จะตีพลาดเล็กน้อย ก้านนี้ก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่สั่นหรือเสียทิศง่ายๆ

ถ้าคุณมักตีลูกฮุก PRO Black จะช่วยลดปัญหานี้ โดยไม่ทำให้คุณเสียความสามารถในการตีดรอว์ ก้านบางรุ่นอาจนิ่งจนตีลูกโค้งไม่ได้เลย แต่ PRO Black ให้อิสระมากกว่า

สเปกและตัวเลือก

Fujikura PRO Black มีให้เลือกหลายน้ำหนักและความแข็งดังนี้:

  • 60 กรัม – Stiff และ X-Flex
  • 70 กรัม – Stiff และ X-Flex
  • 80 กรัม – X-Flex เท่านั้น

คุณสามารถเลือกให้เหมาะกับสปีดวงสวิงและสไตล์การเล่นของคุณ และควรทดลองจริงในช่วงการฟิตติ้งเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด

สรุป

Fujikura PRO Black คือก้านไดรเวอร์ที่เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการวิถีลูกต่ำ สปินน้อย แต่ไม่อยากสวิงเหนื่อยหรือเสียความรู้สึกในการตี มันให้อารมณ์ที่สมดุล ระหว่างความนิ่งและแรงดีด

หากคุณกำลังอัปเกรดไดรเวอร์ หรือกำลังหาก้านที่ให้ผลลัพธ์ดีโดยไม่ต้องแลกกับความรู้สึกในการตี PRO Black ควรอยู่ในลิสต์ที่คุณต้องลอง

รีวิวก้านเหล็ก Project X IO – สัมผัสนุ่ม ควบคุมได้แบบ Tour

รีวิวก้านเหล็ก Project X IO – สัมผัสนุ่ม ควบคุมได้แบบ Tour

ถ้าคุณเล่นกอล์ฟมานานพอ ก็น่าจะมีก้านแบรนด์โปรดในใจอยู่แล้ว บางแบรนด์ตีแล้วเข้ามือ บางแบรนด์อาจไม่เคยถูกใจ สำหรับผม ก้าน Project X รุ่นดั้งเดิมมักรู้สึกแข็งกระด้าง แต่พอได้ลอง Project X IO รุ่นใหม่ บอกเลยว่ารู้สึกแปลกใจในทางที่ดี มาดูกันครับ ว่าก้านรุ่นนี้มีอะไรพิเศษ และทำไมน่าลองสำหรับนักกอล์ฟที่อยากเปลี่ยนฟีล

ดีไซน์เรียบง่าย ดูดีแบบมืออาชีพ

ก้านเหล็กทั่วไปอาจไม่ได้มีอะไรสะดุดตามาก
แต่ Project X IO มีความเรียบหรูในแบบของมัน

ผิวก้านเป็น แบบโครเมียมด้าน (brushed chrome) ดูนุ่มตา ไม่แวววาวเกินไป
แถมยังเป็น ก้านแบบไม่มีรอยขั้น (stepless) ให้ลุคสะอาดตา ทันสมัย

ลวดลายแบรนด์พิมพ์ลงบนตัวก้านโดยตรง ไม่มีสติ๊กเกอร์ให้ยุ่งยากหรือยับง่าย
ดูเรียบ เท่ และเข้ากับถุงกอล์ฟระดับโปร

สัมผัสนุ่มกว่า Project X รุ่นเดิมชัดเจน

ใครที่เคยลองก้าน Project X รุ่นดั้งเดิม คงจำได้ถึงความแข็งกระด้างของมัน
แต่ IO รุ่นใหม่นี่ต่างกันแบบคนละเรื่อง

ตอนสวิง รู้สึกว่าโหลดก้านได้ง่ายมาก
ช่วงถ่ายน้ำหนักนุ่มนวล และ ถ่ายแรงลงลูกแบบแน่นๆ ควบคุมได้ดี

โดยเฉพาะก้านเหล็กยาว จะรู้สึกถึงการช่วยดีดลูกให้ง่ายขึ้น
ส่วนก้านเหล็กสั้นจะนิ่งและแน่น ไม่ออกแรงเกิน

วิถีลูกกลางๆ สปินพอดี – จบที่ระยะคุมได้

Project X บอกว่า IO เป็นก้านที่ให้ วิถีลูกกลาง (mid launch) และ สปินกลาง (mid spin)
และจากที่ลองตี ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

ถึงแม้ฟีลในมือจะดู “มีชีวิตชีวา” แต่ลูกไม่ได้โด่งเกิน
ลูกออกจากหน้าไม้ในวิถีที่ดีพอดี มีสปินมากพอให้ลูกหยุดบนกรีน

เหมาะกับคนที่อยากได้วิถีลูกสม่ำเสมอ ไม่โด่งฟุ้งแบบก้านบางรุ่น

เล่นทรงลูกได้ แต่ยังคุมทิศได้ดี

ใครที่ชอบตีดรอว์ ตีเฟด ก้าน IO ยังเปิดโอกาสให้คุณทำได้
จะตีสูงหรือต่ำกว่าปกติก็ทำได้ไม่ยาก

แต่ที่ชอบคือ มันไม่ปล่อยลูกให้แฉลบหรือเฟดแรง
แม้จะพยายามแต่งช็อต ลูกก็ยังวิ่งในโค้งเล็กๆ คุมได้
ไม่มีเฟดแรง ไม่มีฮุกเว่อร์ เว้นแต่ว่าจะตีพลาดจริงๆ

มีให้เลือก 3 Flex น้ำหนักต่างกันนิดเดียว

IO มีให้เลือก 3 ระดับความแข็ง:

  • 5.5 – Regular Flex, 105 กรัม
  • 6.0 – Stiff Flex, 110 กรัม
  • 6.5 – X-Stiff Flex, 115 กรัม

ทุกระดับเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละ 5 กรัม
เหมาะกับนักกอล์ฟที่ไม่อยากใช้ก้านเบาแบบปั่นๆ แต่ก็ไม่อยากหนักแบบ Tour เต็มๆ

อยู่ตรงกลางพอดี ระหว่างความรู้สึกและการควบคุม

ใครควรลองก้านนี้บ้าง?

ถ้าคุณเคยไม่ชอบ Project X มาก่อน IO อาจทำให้เปลี่ยนใจ
มันให้ความรู้สึกนุ่มกว่า ควบคุมได้ดี และตีง่ายขึ้นเยอะ

ยังคงให้ความแม่นยำ คุมวิถีได้เหมือนเดิม
แต่เพิ่มความรู้สึก “ก้านมันทำงานช่วยเรา” โดยเฉพาะตอนตีเหล็กยาว

เหมาะมากสำหรับนักกอล์ฟที่อยากได้ความคุมได้แบบ Tour แต่ไม่อยากฝืนสวิงแรงทุกครั้ง

ถ้าสงสัยว่ามันเข้ากับวงสวิงเรามั้ย? แนะนำให้ลองฟิตติ้งครับ
อาจเป็นก้านที่คุณตามหามานานก็ได้

ก้านเหล็กกราไฟต์ vs สตีล: ทำไม Fujikura AXIOM ถึงเปลี่ยนเกม

ก้านเหล็กกราไฟต์ vs สตีล: ทำไม Fujikura AXIOM ถึงเปลี่ยนเกม

เวลาจะเลือกก้านเหล็ก นักกอล์ฟหลายคนมักมีคำถามว่า
ควรใช้ก้านกราไฟต์หรือก้านสตีลดีกว่ากัน?

เมื่อก่อนคำตอบแทบจะเป็นก้านสตีล เพราะมันแข็งแรง ควบคุมง่าย และเชื่อถือได้มานาน

แต่ตอนนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว

ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก้านกราไฟต์อย่าง Fujikura AXIOM กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ไม่ใช่แค่สำหรับนักกอล์ฟอายุเยอะหรือคนที่สวิงช้าเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับนักกอล์ฟทุกวัย ทุกระดับความเร็ว

มาดูกันว่าทำไม AXIOM ถึงน่าลอง

ความต่างระหว่างก้านกราไฟต์กับก้านสตีล

ก้านไม้กอล์ฟไม่ใช่แค่ที่จับหัวไม้ แต่มันส่งพลังจากสวิงของเราไปถึงลูก และวัสดุที่ใช้ก็มีผลต่อความรู้สึก การคุมทิศ และวิถีลูก

ก้านสตีล หนักกว่า (ประมาณ 90–130 กรัม) ให้ความรู้สึกแน่นหนา เหมาะกับคนที่สวิงเร็วและต้องการความแม่นยำ

ก้านกราไฟต์ เบากว่า (ประมาณ 40–125 กรัม) ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็วหัวไม้ และลดแรงกระแทกที่มือหรือข้อพับ

โดยเฉพาะ AXIOM ที่พัฒนาให้กราไฟต์ไม่แพ้สตีล ทั้งเรื่องความเสถียรและความแม่น

ทำไมคนถึงเคยไม่ชอบก้านกราไฟต์

เมื่อก่อนหลายคนมองว่าก้านกราไฟต์เหมาะกับผู้ใหญ่หรือคนที่สวิงช้า เพราะก้านมันเบาและไม่มั่นคงพอสำหรับการสวิงแรง ๆ

ซึ่งก็จริงในอดีต

แต่วันนี้ก้านกราไฟต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ AXIOM ลบภาพนั้นไปหมดแล้ว ก้านรุ่นนี้มีน้ำหนักให้เลือกถึง 125 กรัม และแข็งแรงพอจะรับมือกับสวิงเร็ว ๆ ได้แบบไม่มีปัญหา

4 เหตุผลที่ AXIOM โดดเด่นกว่าก้านทั่วไป

ก้าน AXIOM ไม่ใช่แค่กราไฟต์ธรรมดา มันถูกออกแบบมาเพื่อให้เล่นง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น:

  • มีน้ำหนักให้เลือกหลายแบบ: 75g, 105g, 125g เหมาะกับทั้งสวิงช้าและเร็ว
  • ลดแรงสั่นสะเทือน: ตีไม่เข้ากลางก็ไม่เจ็บมือหรือล้าข้อมือ
  • เสถียรและแม่นยำ: ช่วยให้วิถีลูกสม่ำเสมอแม้ตีไม่ดี
  • ช่วยเพิ่มระยะ: ลูกลอยดี ตกจุดที่ต้องการมากขึ้น

เทคโนโลยีลับใน AXIOM

AXIOM ใช้เทคโนโลยีชื่อว่า VeloCore ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับในก้าน VENTUS สำหรับหัวไม้ และได้รับความนิยมในหมู่นักกอล์ฟอาชีพทั่วโลก

นอกจากนี้ AXIOM ยังออกแบบเป็นระบบ 3-parallel หรือแยกการทำงานของก้านในแต่ละช่วง:

  • เหล็กยาว (2–4): เน้นให้ลูกลอยสูง ไปได้ไกล
  • เหล็กกลาง (5–7): ควบคุมทิศและระยะได้ง่าย
  • เหล็กสั้น (8–PW): เน้นความแม่นและความรู้สึกในการควบคุมระยะ

ก้านทั้งชุดมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน ไม่มีการตัดปลายเยอะ ทำให้คุณภาพของวัสดุไม่เสีย และให้ฟีลที่ดีสม่ำเสมอ

เสียงจากนักกอล์ฟที่ได้ลองใช้

มีนักกอล์ฟหลายคนที่ทดลองใช้ AXIOM แล้วรู้สึกประทับใจ

อดีตโปรคนหนึ่งบอกว่าเขาได้ระยะเพิ่มอีก 5 หลา จากเหล็ก 7 นักกอล์ฟอีกคนก็บอกว่าเวลาตีโดนไม่เต็ม ก้าน AXIOM ไม่ส่งแรงสั่นมาที่มือเท่าก้านสตีล

และอีกหลายคนพูดตรงกันว่า:

  • วิถีลูกนิ่งขึ้น
  • ความรู้สึกในการตีสบายขึ้น
  • ระยะเพิ่มโดยไม่เสียความแม่น

AXIOM เหมาะกับใคร?

ถ้าคุณสงสัยว่า AXIOM เหมาะกับคุณมั้ย ลองเช็กดู:

  • คุณอยากตีโดนกลางหน้ามากขึ้น
  • คุณมีปัญหาข้อมือ หรือไม่อยากล้าระหว่างฝึก
  • คุณสวิงเร็วแต่ยังอยากได้ฟีลนุ่ม ๆ ของกราไฟต์
  • คุณต้องการก้านที่ปรับแต่งได้ตามฟีลของตัวเอง
  • คุณอยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่เบาขึ้นแต่ยังควบคุมได้ดี

AXIOM เหมาะกับนักกอล์ฟทุกระดับ ไม่ว่าคุณจะเล่นจริงจังหรือเล่นวันหยุด

สรุปส่งท้าย

ยุคของการมองว่าก้านกราไฟต์ไม่เหมาะกับนักกอล์ฟจริงจัง มันจบไปแล้ว
วันนี้ Fujikura AXIOM พิสูจน์ให้เห็นว่า
ความสบาย กับประสิทธิภาพสูง สามารถไปด้วยกันได้

ถ้าคุณอยากตีไกลขึ้น แม่นขึ้น และลดอาการล้าของร่างกาย AXIOM อาจเป็นคำตอบของคุณ

หากเพื่อนๆนักกอล์ฟสนใจก้าน AXIOM แจ้งไปที่ไลน์ Line ID: @GolfShafts บอกว่ามาจากเว็บบล็อกของโปรตึ๊ก มีส่วนลด 10% ครับ