การอดอาหารแบบจำกัดเวลา (Intermittent Fasting): จริง ๆ แล้วได้ผลไหม?

by | Nov 27, 2567 | The Metabolic Classroom, Wellness

หลายคนเริ่มหันมาลอง “การอดอาหารแบบช่วงเวลา” หรือที่เรียกว่า Intermittent Fasting (IF) เพื่อช่วยลดน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น แต่ในงานวิจัยบางชิ้นกลับพบว่า วิธีนี้อาจไม่ได้ผลกับทุกคน วันนี้เราจะพาไปดูว่า IF คืออะไร งานวิจัยพูดว่าอย่างไร และถ้าคุณอยากเริ่มต้น ควรเริ่มอย่างไร

วิดีโอต้นฉบับ

The Metabolic Classroom, Ep. 1: Intermittent Fasting

วิธีการเปิด ซับไตเติล กดเล่นวิดีโอ หมุนโทรศัพท์ให้อยู่ในแนวนอน มองหา CC แล้วเลือก ภาษาไทย

Intermittent Fasting

การอดอาหารแบบจำกัดเวลา คืออะไร?

Time-Restricted Eating (TRE) หรือการอดอาหารแบบจำกัดเวลา คือการเลือกเวลากินอาหารในแต่ละวัน เช่น กินได้ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น หลังจากนั้นไม่กินอะไรเลยจนถึงวันรุ่งขึ้น

ไม่ใช่การอดอาหารทั้งวัน แค่เปลี่ยนเวลาที่กิน โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนว่า “กินอะไร”

ตัวอย่างการอดอาหารแบบอื่น ๆ ได้แก่:

  • กินวันเว้นวัน (Alternate-Day Fasting)
  • กินปกติ 5 วัน กินน้อยลง 2 วัน (5:2 Fasting)
  • กินแค่มื้อเดียวต่อวัน (OMAD)

งานวิจัยที่บอกว่า TRE อาจไม่ได้ผล

มีงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน วารสารแพทย์อเมริกา (JAMA) ศึกษากับคนที่มีน้ำหนักเกินกว่า 100 คน โดยให้ลอง TRE เป็นเวลา 12 สัปดาห์ (ประมาณ 3 เดือน)

สิ่งที่พบคือ:

  • น้ำหนักลดลงเล็กน้อย
  • แต่ 65% ของน้ำหนักที่หายไป มาจากกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระดับน้ำตาล อินซูลิน หรือไขมันในเลือด

ซึ่งถือว่าแปลก เพราะส่วนใหญ่เวลาคนลดน้ำหนักจะเสียไขมันมากกว่ากล้ามเนื้อ

ทำไมน่าเชื่อถือไม่เต็มที่?

มีปัญหาอยู่หลายจุดในงานวิจัยนี้:

หลายคนไม่อยากทำ TRE ตั้งแต่แรก พอถูกแบ่งกลุ่มให้ทำ ก็ลาออกจากการศึกษา

กลุ่มควบคุมก็ถูกสั่งให้กินอาหารวันละ 3 มื้อ ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมปกติของทุกคน

คนในกลุ่ม TRE กินมื้อสุดท้ายตอน 2 ทุ่ม ซึ่งใกล้เวลานอนเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร

อีกงานวิจัยที่ได้ผลดีมาก

อีกการศึกษาหนึ่งถึงแม้จะมีแค่ 19 คน แต่ทุกคนสมัครใจทำ TRE เอง และผลลัพธ์ที่ได้คือ:

  • กินมื้อสุดท้ายตอนประมาณ 6 โมงเย็น
  • นอนหลับดีขึ้น
  • ลดไขมันในร่างกายได้
  • ค่าต่าง ๆ ในเลือด เช่น น้ำตาลและความดัน ดีขึ้น

คนกลุ่มนี้อยากทำด้วยตัวเอง และเลือกทำอย่างตั้งใจ นั่นอาจเป็นปัจจัยสำคัญ

ทำไม “อินซูลิน” จึงสำคัญมาก

อินซูลิน คือฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ถ้าอินซูลินสูงตลอดเวลา ร่างกายจะสะสมไขมันมากขึ้น และดึงไขมันออกมาใช้ได้น้อยลง

การอดอาหารช่วยลดอินซูลินได้ และถ้าคุณ ลดแป้ง เน้นโปรตีน และไขมันดี ด้วย จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้น

สิ่งที่ได้ผลดีคือ:

  • กำหนดเวลาทานให้สั้นลง เช่น 6-8 ชั่วโมง
  • ลดน้ำตาลและแป้งในอาหาร
  • พยายามหยุดกินก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง

ฟังร่างกายของตัวเอง

การอดอาหารไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่มันยังเกี่ยวกับ “พฤติกรรม” ด้วย

คนที่ทำได้ดี มักจะรู้ว่าตัวเองหิวจริง ๆ ตอนไหน และกินอย่างมีสติ

ถ้าคุณหิวจริง ๆ หลังออกกำลังกาย ก็ไม่ต้องฝืนกินตามเวลาเป๊ะ ๆ ขอแค่เลือกอาหารที่ไม่ทำให้อินซูลินพุ่งสูง ก็ยังถือว่าดีอยู่

ทุกคนไม่เหมือนกัน

วิธีใดได้ผลสำหรับคนอื่น อาจไม่เหมาะกับคุณ

คุณต้องลองเอง สังเกตตัวเองว่าแบบไหนทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น นอนหลับสบาย มีพลังงาน และสุขภาพดีขึ้นหรือไม่

ไม่ต้องเป๊ะ ไม่ต้องทำให้เหมือนใคร แค่ “สม่ำเสมอ” และ “รู้ตัว” ว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

สรุปอีกครั้งแบบเข้าใจง่าย:

  • TRE คือการกำหนดเวลาทานในแต่ละวัน
  • งานวิจัยบางชิ้นลำเอียง อาจเพราะคนไม่อยากทำหรือทำใกล้เวลานอน
  • ถ้าทำอย่างตั้งใจ และควบคุมอาหารด้วย ผลลัพธ์จะดีขึ้น
  • อินซูลินต่ำ = สุขภาพดีขึ้น
  • ฟังร่างกายตัวเองดีที่สุด