พื้นฐานก้านไม้กอล์ฟ สำหรับชุดเหล็ก

พื้นฐานก้านไม้กอล์ฟ สำหรับชุดเหล็ก

ก้านไม้กอล์ฟเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของไม้กอล์ฟ บางคนบอกว่า “engine of golf club” แต่ก็มีบางคนไม่เห็นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หาก้านไม้กอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับไดรเวอร์ แฟร์เวย์ หรือในชุดเหล็ก มันสามารถช่วยให้คุณเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้น คงเส้นคงเส้นคงวามากขึ้น 

พื้นฐานก้านชุดเหล็ก รวมทั้งในก้านเวดจ์ด้วย ที่นักกอล์ฟควรรู้ไว้บ้าง ลองอ่านกันดูครับ

ก้านเหล็ก (Iron Shafts)

มีอยู่ 4 ประเภทหลัก ๆ สำหรับก้านเหล็ก (รวมถึงก้านของเวดจ์) ที่คุณควรทราบ:

ก้านเหล็กแบบ Taper Tip

ก้านแบบ Taper Tip คือก้านที่มักพบในไม้กอล์ฟที่ขายในร้านกอล์ฟทั่วไป ที่ปลายก้านซึ่งเสียบเข้ากับหัวเหล็ก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางจะอยู่ที่ 0.355 นิ้ว และจะขยายออกเป็นประมาณ 0.370 นิ้วเมื่อเสียบสุด นักกอล์ฟใน PGA หลายคนชอบใช้ก้านแบบ Taper Tip เพราะมันเป็นก้านที่มีน้ำหนักคงที่ น้ำหนักก้านสำหรับเหล็กแต่ละเบอร์จะคงที่ ซึ่งมี Flex หลายระดับ เช่น A, R, S, X แต่ Flex ของก้านแบบ Taper Tip นั้น ไม่สามารถปรับได้มากนัก

ก้านเหล็กแบบ Parallel Tip

ก้านแบบ Parallel Tip เริ่มมีในท้องตลาดช่วงปี 1970 สาเหตุเพราะผู้ผลิตต้องการควบคุมสต็อกก้านไม้กอล์ฟ ก้าน Parallel Tip มีเส้นผ่านศูนย์กลางปลายก้านเท่ากันตลอด โดยขนาดอยู่ที่ 0.370 นิ้ว ช่างฟิตไม้กอล์ฟหลายคนชอบใช้ก้าน Parallel Tip เพราะสามารถตัดปลายก้านเพื่อปรับระดับความยืดหยุ่น หรือว่า Flex ตามความเหมาะสมกับนักกอล์ฟได้ ก้าน Parallel Tip ไม่ใช่ก้านน้ำหนักคงที่ ดังนั้นน้ำหนักของก้านจะเบาลงเมื่อเปลี่ยนจากเหล็กยาวไปเหล็กสั้น

วัสดุก้าน – เหล็กหรือกราไฟท์

ส่วนใหญ่แล้วนักกอล์ฟใน PGA จะใช้ก้านเหล็ก แต่ก็ยังมีก้านกราไฟท์และเหล็กที่มีคุณภาพดีมากมายให้เราเลือกใช้ ก้านกราไฟท์มีหลายระดับความยืดหยุ่นและน้ำหนัก ตั้งแต่ประมาณ 50 กรัมไปจนถึง 120 ถึง 130 กรัม ขณะที่ก้านเหล็กเดิมทีจะมีน้ำหนักตั้งแต่ประมาณ 100 ถึง 130 กรัม แต่ปัจจุบันก้านเหล็กที่มีน้ำหนักเบาลงถึงประมาณ 75 กรัมก็มีให้เลือกใช้งานแล้ว ซึ่งมีความเข้าใจผิดกันว่าก้านกราไฟท์ไม่มีคุณภาพ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่เป็นความจริงเลย

ก้านเฉพาะทาง

นอกจากนี้ยังมีก้านเหล็กเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเวดจ์ (บางครั้งเรียกว่า “Spinner Shafts” ที่ช่วยให้ลูกลอยต่ำและมีสปินสูง) และยังมีก้านที่ออกแบบมาสำหรับไม้ไฮบริดโดยเฉพาะ ก้านเหล่านี้มีทั้งแบบเหล็กและกราไฟท์ให้เลือกใช้

Driver Loft เท่าไหร่ดี ยิ่ง loft ต่ำยิ่งตีไกลจริงหรือ?

Driver Loft เท่าไหร่ดี ยิ่ง loft ต่ำยิ่งตีไกลจริงหรือ?

Driver loft เท่าไหร่ดี? องศาหน้าไม้ของไดรเวอร์ต่ำๆ เช่น loft 9, loft 8 ตีได้ระยะไกลกว่า loft 10 หรือ loft 11 จริงหรือ?

เป็นจริงแน่นอน สิ่งนี้เป็นจริงกับหัวไม้แฟร์เวย์ ไม้ไฮบริด และชุดเหล็ก แต่ไม่จริงเสมอไปกับหัวไม้หนึ่งหรือไดรเวอร์ แม้แต่นักกอล์ฟที่สวิงเร็วเหมือน Bryson Dechambeau ก็ยังมีจุดที่องศาของไดรเวอร์จะต่ำเกินไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว หากต่ำกว่าจุดนี้ ระยะไดร์ฟจะลดลง สำหรับ Bryson ตัวเลข driver loft นั้นอาจเป็นเลขหลักเดียว แต่สำหรับนักกอล์ฟส่วนใหญ่ที่สวิงช้ากว่า เพื่อที่จะได้ระยะไกลสุดที่เราสามารถทำได้ เราต้องใช้ loft ที่สูงขึ้น

ผมรู้ว่ามันดูขัดแย้งกันใช่ไหม ผมจะอธิบายแบบนี้

จินตนาการว่าคุณมีสายยางรดน้ำต้นไม้ที่เปิดน้ำแรงสุดๆ และคุณพยายามจะฉีดน้ำให้ไกลที่สุดเอาให้ถึงโคนต้นเลย แล้วสมมติว่ามีคนมาลดแรงดันน้ำลง คุณจะเห็นว่าระยะการฉีดน้ำสั้นลง สิ่งแรกที่คุณจะทำเพื่อพยายามเพิ่มระยะคืออะไร? ใช่แล้ว! คุณจะเพิ่มมุมของหัวฉีด กระดกมุมสายยางให้สูงขึ้น

มันก็เหมือนกับไดรเวอร์นั่นแหละ

ถ้าคุณเป็นนักกอล์ฟในกลุ่มที่สวิงเร็วมาก (คือมีแรงดันน้ำสูงมาก) คุณต้องการ driver loft ต่ำเพื่อให้ได้ระยะสูงสุด แต่ถ้าคุณเป็นนักกอล์ฟส่วนใหญ่ที่สวิงช้า (คือมีแรงดันน้ำต่ำ) คุณต้องการ loft สูงเพื่อให้ได้ระยะที่ไกลขึ้น สิ่งที่คุณทำไม่ได้เด็ดขาดคือจับคู่ระหว่างสวิงช้ากับไดรเวอร์ loft ต่ำ! นั่นเปรียบเสมือนการลดแรงดันน้ำแล้วยังลดมุมหัวฉีดลงอีก แล้วมานั่งสงสัยว่าทำไมน้ำถึงไม่ไกล

เพื่อนๆนักกอล์ฟครับ ผมขอถามหน่อย คุณคาดหวังว่าคุณจะสามารถสวิงไดรเวอร์ด้วยความเร็วที่ควบคุมได้เท่าไหร่?

ความเร็วเฉลี่ยของไดรเวอร์นักกอล์ฟกลุ่มต่างๆ

นักกอล์ฟทั่วไปที่ไม่ใช่ระดับ Tour Pro สำหรับนักกอล์ฟชาย ความเร็วสวิงเฉลี่ยอยู่แถวๆ 90+/- ไมล์/ชม. เท่านั้นเองครับ

• Average Lady Golfer: 65 ไมล์/ชม.
• Average Male Golfer: 87 ไมล์/ชม.
• Average Lady Tour Player: 95 ไมล์/ชม.
• Average Male Tour Player: 113 ไมล์/ชม.
• Female Long Drive Competitors: 105-120 ไมล์/ชม.
• Male Long Drive Competitors: 135-155 ไมล์/ชม.

ในตารางที่แนบมาข้างล่างของบทความนี้ ตัวเลขระยะไดร์ฟที่ขีดเส้นใต้ไว้ เทียบกับช่องที่แสดง driver loft ที่จะให้ระยะไกลสุดในแต่ละความเร็วสวิง คุณสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไรบ้าง?

ด้วยการตีลูกในมุมปะทะ angle of attack แนวราบพอดีกับลูกกอล์ฟ คุณจะไม่สามารถทำระยะสูงสุดด้วย driver loft ต่ำกว่า 15 องศาได้เลย จนกว่าคุณจะมีความเร็วสวิงของไดร์เวอร์ที่ควบคุมได้ (with control) ใกล้เคียงหรือมากกว่า 90 ไมล์/ชม. เพื่อนนักกอล์ฟครับ ครั้งล่าสุดที่คุณเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟ เคยเห็นไดรเวอร์ที่มี loft 17 องศา หรือ 15 องศา หรือแม้แต่ 13 องศาไหม?

เราจะสรุปได้หรือไม่ว่าพวกเราทุกคนมีความเร็วสวิงที่ควบคุมได้ 100+ ไมล์/ชม. ซึ่งเร็วกว่านักกอล์ฟหญิงในระดับ LPGA และมีความเร็วสวิงต่ำกว่านักกอล์ฟใน PGA Tour นิดหน่อยเท่านั้นเอง? ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช่ เห็นด้วยไหมครับ

ผมคิดว่า คงจะมองเห็นภาพรวมกันนะครับ

คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า… ทำไมบางครั้งออกด้วยหัวไม้แฟร์เวย์ เช่น หัวไม้ 3 หรือแม้แต่ หัวไม้ 5 ทำไมมันตีได้ระยะไกลเท่าหรือไกลกว่าการตีไดรเวอร์เสียอีก?

ตอนนี้คุณก็รู้แล้วนะว่าเพราะอะไร

คิดให้ดี คิดใหม่ ในครั้งต่อไปที่คุณเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟ แล้วเห็นไดรเวอร์ loft 9 และ 10 องศา วางเรียงรายอยู่ คุณคิดว่าหัวไม้ไดรเวอร์เหล่านั้นถูกออกแบบมาสำหรับคุณรึเปล่า?

ตารางเปรียบ Driver Loft กับระยะทาง

หากเปิดด้วยมือถือ สามารถเลื่อนขวา เลื่อนซ้ายเพื่อดูข้อมูลในตารางได้

TOTAL DISTANCE IN YARDS FOR CARRY + ROLL

Swing Speed (mph)
Driver Loft 9°
Driver Loft 11°
Driver Loft 13°
Driver Loft 15°
Driver Loft 17°
50
81
87
93
96
99
60
117
127
133
137
140
70
155
164
171
176
180
80
198
206
212
216
211
90
229
237
240
245
236
100
262
269
265
258
252
110
295
288
281
273
264

จากตารางด้านบน ระยะทางรวมที่แสดงในที่นี้เป็นผลจากการสวิงที่มุมปะทะลูก Angle of Attack ในแนวระนาบเดียวกันกับลูกกอล์ฟ เป็นค่าเฉลี่ยจากสภาพสนามกอล์ฟที่อยู่ระดับเดียวกันกับน้ำทะเล

หากคุณมีมุมปะทะในแนวเสยขึ้น คุณสามารถใช้ลอฟท์ (Loft) ที่ต่ำกว่าในตารางได้ แต่หากคุณสวิงในแนวลง คุณจำเป็นต้องใช้ลอฟท์ที่สูงกว่า นอกจากนี้ ในบางครั้งหากคุณไปเล่นในสนามที่พื้นแข็ง คุณควรมีไดรเวอร์สำรองอีกตัวที่ลด loft ลง 1-2 องศาเพื่อให้ได้การกลิ้งที่ดีที่สุด

แล้วใครจะบอกคุณว่า Driver Loft องศาเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะกับคุณ

ไปหาร้าน club fitting ครับ ที่มีความรู้และประสบการณ์ และหากที่ร้านนั้นมีเครื่อง launch monitor อย่าง TRACKMAN จะดีมาก คุณจะได้ไดรเวอร์คู่ใจกลับบ้าน พรุ่งนี้ออกรอบกินตังค์เพื่อนอย่างแน่นอน อ้อ อย่าลืมซ้อมก่อนให้เข้ามือก่อนล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือนlaughing

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนักกอล์ฟนะครับ เอาไว้เป็นข้อมูลเลือกซื้อไดรเวอร์ เลือก Driver Loft ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

Credit: บทความนี้เรียบเรียงมาจาก 12 MYTHS By Tom Wishon

Lessons and Teachings From A Life Time In Golf

Lessons and Teachings From A Life Time In Golf

golf lessons

บันทึกนี้ เรียบเรียงมาจากหนังสือ  Little Red Book: Lessons And Teachings From A Lifetime In Golf ของ Harvey Penick 

คำแนะนำในการเล่นกอล์ฟจากหนังสือเล่นนี้เป็นอมตะ มันสามารถช่วยให้คุณเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน สนใจหนังสือเล่นนี้ หาซื้อได้ที่ Amazon.com

Golf Medicine

เมื่อผมขอให้คุณทานยาแอสไพริน กรุณาอย่าทานทั้งขวด ใน กอล์ฟสวิง การปรับเปลี่ยนเล็กน้อยสามารถส่งผลมหาศาลได้ แนวโน้มโดยธรรมชาติคือ คุณจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่นำมาซึ่งความสำเร็จมากเกินไป ดังนั้นคุณจึงเริ่มเกินเลยไป  ในความพยายามที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และในไม่ช้าคุณก็หลงทางและสับสนอีกครั้ง บทเรียนไม่ใช่เพื่อมาแทนที่การฝึกฝน  แต่เพื่อทำให้การฝึกฝนนั้นคุ้มค่า

ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่?

การเรียนรู้เรื่องวงสวิงจากผู้ฝึกสอน เมื่อมาซ้อมเองและมีการตีลูกผิดพลาด ให้ดูก่อนว่า มันมาจากเทคนิคการสวิง หรือ มาจากมุมของ clubface ขณะปะทะลูกกอล์ฟ พิจารณาให้ดีๆ ก่อน ปัญหามันอยู่ตรงไหนแน่

Hand Position

ให้ตำแหน่งมืออยู่ประมาณต้นขาในการตีทุกๆ shot ยกเว้นไดร์เวอร์ ในการตีไดรเวอร์นั้น มือของคุณควรอยู่ประมาณเป้ากางเกง หรือให้มือเคลือนมาหลังลูกเล็กน้อย การทำแบบนี้ช่วยให้ตีลูกในลักษณะเสยขึ้น

The Three Most Important Clubs

หากให้เรียงลำดับความสำคัญของไม้กอล์ฟในถุงกอล์ฟ ชิ้นไหนสำคัญที่สุด และต้องฝึกซ้อมให้มากที่สุด

พัตเตอร์, ไดร์เวอร์ และ เวดจ์

เหตุผลก็คือ ในการออกรอบปกติ คุณจะใช้ไดร์เวอร์ ประมาณ 14 ครั้งต่อรอบ ในขณะที่ คุณอาจใช้พัตเตอร์ถึง 23-25 พัต และหากวันนั้นคุณพัตไม่ดี มันก็จะมากกว่านี้

การพัตระยะแค่ 5 ฟุต นับ 1 สโตรกเท่ากันกับที่ใช้ไดร์เวอร์ 270 หลา ดังนั้นมีพรมซ้อมพัตติดบ้านไว้ ดีแน่นอน

ในทางจิตวิทยา การไดร์ฟได้ระยะเต็มๆและลูกกอล์ฟอยู่กลางแฟร์เวย์ มันจะให้เกิดความมั่นใจในการเล่น shot ต่อไป ในทางตรงกันข้าม หากไดร์ฟเข้าป่า ตกน้ำ แหกออกโอบี มันจะให้คุณเสียความมั่นใจไปบ้าง แต่ถ้าหากคุณพัตระยะจ่อๆไม่ลงบ่อยๆ เก็บพัตไม่ได้ วันนั้นคุณโดนเพื่อนกินแน่นอน

ซ้อมพัตให้มากเข้าไว้ ไดร์เวอร์ก็ต้องซ้อมหนักเช่นกัน ส่วนเวดจ์ ก็ซ้อมตีขึ้นกรีนระยต่ำกว่า 100 หลาลงมา สกอร์ดีขึ้นแน่นอน!

The Waggle

ประโยชน์ ของการ waggle คือมันช่วยกระตุ้นความตื่นตัวและทำให้อะดรีนาลีนไหลเวียน การ waggle ยังเป็นการฝึกตีเล็กๆ น้อยๆ และช่วยลดความตึงเครียด แต่ต้องระวังอย่าให้มัวแต่ตั้งใจ waggle จนลืมเป้าหมาย ผมเคยเห็นเพื่อนในก๊วน waggle เป็น 10-20 ครั้งก่อนจะสวิง ผู้เล่นคนอื่นๆ ในกลุ่มถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเมื่อถึงตาเขาตี

Ben Hogan มีคำแนะนำที่ดี: อย่าทำ waggle จนติดเป็นนิสัย เพียงแค่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สวิงไปเลย Bobby Jones เคยบอกไว้ว่า ถ้าเขา waggle เกินสองครั้ง แสดงว่าเขาน่าจะตีพลาดแล้ว ผมไม่ชอบเห็นผู้เล่น waggle ขึ้นลง เพราะมันดูเป็นมือสมัครเล่นสำหรับผม แต่ที่น่าสนใจคือ นักกอล์ฟผู้ยิ่งใหญ่ Horton Smith แทบไม่ waggle เลย

Keyword Research ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของ SEO

Keyword Research ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของ SEO

ทำไมการวิจัยคีย์เวิร์ด หรือคำหลัก ถึงสำคัญมาก?

การวิจัยคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของทุกโปรเจค SEO ด้วยเหตุผล 2 ประการ:

1. เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหา (Traffic) มิฉะนั้นคุณอาจเสียเวลาและความพยายามไปกับการพยายามทำอันดับคีย์เวิร์ดที่ไม่ได้สร้างการเข้าชมเลย

2. เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่ง่ายต่อการทำอันดับในผลการค้นหา หากคุณไม่ศึกษาการแข่งขันของคีย์เวิร์ด คุณอาจเสียเวลาและความพยายามไปกับคีย์เวิร์ดบางคำ แต่กลับพบว่ามันยากเกินไปที่จะติดหน้าแรก

สองเป้าหมายนี้เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของโปรเจค SEO

โพสนี้จะกล่าวถึงวิธีการค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดและวิธีหลีกเลี่ยงการเสียเวลากับคีย์เวิร์ดที่ไม่ถูกต้อง แต่ก่อนอื่นเราต้องนิยามก่อนว่าคีย์เวิร์ดคืออะไร

คีย์เวิร์ดคืออะไรกันแน่?

หากคุณเป็นมือใหม่ด้าน SEO คุณอาจสงสัยว่าคีย์เวิร์ดคืออะไร

คีย์เวิร์ดหรือคำค้นหาหลัก คือ วลีใด ๆ ที่คุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในผลการค้นหาของ Google คีย์เวิร์ดอาจเป็นคำเดียวหรือหลายคำผสมกันก็ได้ หากคุณพยายามเน้นเป้าหมายไปที่คำเดียว ระวังไว้! คุณจะต้องทำงานหนักมาก คีย์เวิร์ดคำเดียวมีการแข่งขันสูงมากและยากที่จะทำอันดับสูงในผลการค้นหา

ต่อไปนี้คือประเภทต่าง ๆ ของคีย์เวิร์ด:

คีย์เวิร์ด Head-Term: คีย์เวิร์ดที่มี 1-2 คำ เช่น golf shafts (ก้านไม้กอล์ฟ)

คีย์เวิร์ด Long-Tail: คีย์เวิร์ดที่มี 3 คำขึ้นไป เช่น ก้านไม้กอล์ฟ KBS tour 90

คีย์เวิร์ดเพื่อการนำทาง (Navigational Keywords): คีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาแบรนด์หรือเว็บไซต์ เช่น Facebook, YouTube, Gmail

คีย์เวิร์ดเพื่อการค้นหาข้อมูล (Informational Keywords): คีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาข้อมูลในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง รวมถึงคีย์เวิร์ดที่ขึ้นต้นด้วย “how to…” หรือ “what are the best…”

คีย์เวิร์ดเพื่อการทำธุรกรรม (Transactional Keywords): คีย์เวิร์ดที่ลูกค้าใส่ลงใน Google เพื่อต้องการทำการค้า เช่น buy jackets online (ซื้อแจ็คเก็ตออนไลน์)

ในหลายกรณี การเน้นคีย์เวิร์ด Head-Term หรือคีย์เวิร์ดนำทางของแบรนด์อื่นนั้นมีการแข่งขันสูงและไม่คุ้มค่าเวลาหรือความพยายาม แม้จะมียอดการค้นหาสูง แต่มักจะไม่นำไปสู่การขาย ในทางกลับกัน คีย์เวิร์ด Long-Tail, คีย์เวิร์ดเพื่อการค้นหาข้อมูล และคีย์เวิร์ดเพื่อการทำธุรกรรม เป็นคีย์เวิร์ดที่ดีสำหรับโปรเจค SEO ส่วนใหญ่ เพราะจะนำไปสู่การมีลูกค้ามากขึ้น

วิธีการสร้างรายการคีย์เวิร์ดปริมาณมากๆ

มีวิธีการมากมายในการหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม ก่อนที่คุณจะหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาจำนวนมากใน Google คุณจะต้องสร้างรายการคีย์เวิร์ดที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณก่อน

1. ใช้เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดฟรีเช่น Google Keyword Planner, Ubersuggest หรือ Keyword Tool เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

2. ตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งกำลังใช้บน SERP (Search Engine Results Page) และในกลยุทธ์การตลาดของพวกเขา

3. สำรวจเว็บไซต์ของคุณ บล็อก และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าของคุณกำลังใช้ค้นหา

4. สร้างรายการคีย์เวิร์ดที่แสดงถึงปัญหาหรือความต้องการของลูกค้าเป้าหมายของคุณ

5. ใช้เครื่องมือ Keyword Research เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงและมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ

6. ทดสอบและวิเคราะห์ผลการใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่ทำให้ผู้คนสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาของคุณ

การสร้างรายการคีย์เวิร์ดที่มีคุณภาพและครอบคลุมจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ

หากคุณพยายามโฟกัสลูกค้ากว้างเกินไป คุณอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเลือกคำหลักที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นผู้ค้าปลีก ก้านไม้กอล์ฟออนไลน์ คำหลักที่เกี่ยวข้องอาจเป็น:

– ก้านไม้กอล์ฟ KBS
– ก้านไดร์เวอร์ Fujikura Ventus
– วิธีการเลือกซื้อก้านไม้กอล์ฟ (คำหลัก how to)

แทนที่จะเลือกคำหลักที่กว้างไป เช่น “ไม้กอล์ฟ” หรือ “ก้านไม้กอล์ฟ” ซึ่งมันกว้างไป โอกาสติดหน้าแรก อาจจะลดลง เนื่องจากมีคู่แข่งจำนวนมากนั่นเอง

การเลือกคำหลักที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่ผู้บริโภคที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ และเพิ่มโอกาสในการแปลงยอดขายได้มากขึ้น

การรักษาความเกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญ คุณต้องพัฒนารายการคำหลักที่เป็นไปได้เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูล แล้วจึงค้นหาคำหลักที่ดีที่สุดซึ่งมีปริมาณการสืบค้นในแต่ละเดือนใน Google อย่างเพียงพอ

กลยุทธ์ง่ายแต่ได้ผล ในการสร้างรายการคีย์เวิร์ด (keywords list)

1. ไปส่องคู่แข่ง เขาใช้ คำหลัก อะไร เอามันมาปรับใช้

มีเครื่องมือมากมายที่สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้ เครื่องมือง่ายและฟรีอย่างเช่น Keyword Density Checker หากคุณป้อนหน้าเข้าไป ภายในเสี้ยววินาที มันจะดูดรายการคำหลักที่คู่แข่งกำลังใช้เพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปในหน้านั้น คุณสามารถนำมาปรับใช้เพื่อขยายรายการคำหลักของคุณได้

Keyword Density Checker – SEO Review Tools

ในขณะที่ Keyword Density Checker เป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเผยคำหลักที่คู่แข่งกำลังใช้อยู่ เครื่องมือที่ทรงพลังกว่าคือรายงาน Organic Keywords ของ Ahrefs ซึ่งประมาณการคำหลักที่กำลังส่งปริมาณ Traffic ไปยังเว็บไซต์ของคู่แข่ง ประมาณการนี้มีความแม่นยำสมเหตุสมผลและสามารถเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับการขยายรายการคำหลักของคุณ

ในขณะที่รายงาน Ahrefs ดีและละเอียดกว่า แต่ก็มีราคาค่าใช้จ่าย Ahrefs ปัจจุบันเสนอทดลองใช้เป็นเวลา 7 วันในราคา 7 ดอลลาร์ และหลังจากการทดลองใช้เริ่มต้น การเรียกเก็บค่าบริการรายเดือนเริ่มต้นที่ 99 ดอลลาร์ต่อเดือน Ahrefs เหมาะสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้าน SEO ระดับกลางถึงขั้นสูง นักการตลาด และตัวแทน SEO

ahref

Ahrefs – All-in-One SEO Toolset
https://ahrefs.com

การระดมสมองสร้างรายการคำหลักของคุณเอง

การที่ไปส่องเว็บคู่แข่งว่าใช้คำหลักอะไรบ้าง แล้วนำมาใช้กับเว็บของเราบ้างก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะเขาอาจจะทำการวิจัยคีย์เวิร์ดมาไม่ดีพอก็เป็นได้ การระดมสมองสร้างคำหลักในรูปแบบต่างๆ ด้วยตัวเองเป็นกลยุทธ์ที่ดี คุณสามารถสร้างรายการคำหลักที่มีศักยภาพได้เป็นจำนวนมาก

วิธีการทำคือ จงวาดรูปตารางคำที่ลูกค้าเป้าหมายของคุณอาจจะใช้ แล้วแบ่งคำเหล่านั้นออกเป็นคำเติมหน้า (prefix) และคำเติมท้าย (suffix) จากนั้นนำมารวมเป็นรายการคำหลักขนาดใหญ่โดยใช้เครื่องมือ Mergewords อย่างเช่น wordsmerger.com (ฟรี) ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถสร้างรายการคำหลักที่เกี่ยวข้องขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

เครื่องมือระดมสมองสร้าง keyword list
เครื่องมือระดมสมองสร้าง keyword list wordsmerger

การตรวจสอบและค้นหาข้อมูลในตลาดเฉพาะของคุณ

มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 4.54 พันล้านคนทั่วโลก แม้แต่ถ้าคุณขายนาฬิกาแมวน้ำลายเสือดาว ก็ยังมีกลุ่มคนที่สนใจในสิ่งที่คุณขายอยู่บนอินเทอร์เน็ต… คือผมกำลังสื่อว่ามันมีทุกอย่าง คุณแค่ต้องไปค้นหาพวกเขา

ใช้ เบราว์เซอร์ (ผมใช้ Chrome) เปิดหลายๆแท็บและเรียกดูชุมชนออนไลน์ต่างๆ เช่น Reddit, Quora, กลุ่มเฟซบุ๊ค, ชุมชน Slack, แฮชแท็กทวิตเตอร์ และเรียกดูกระทู้ยอดนิยม จับตามองหัวข้อยอดนิยมและคำถามที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ คุณจะพบคำถามที่ผู้บริโภคกำลังค้นหาคำตอบ ซึ่งจะเป็นแนวคิดคำหลักที่ดีที่สุด มันเป็นคำหลักโดยตรงจากแป้นพิมพ์ของลูกค้า คุณสามารถค้นพบฟอรัมเฉพาะตลาดเพิ่มเติมได้จากการใช้คำค้นหาต่อไปนี้:

“keyword” forums
“keyword” discussion board
“keyword” online community

การใช้เครื่องมือช่วยผ่อนแรง ค้นหา คำหลัก ที่โดนๆ

การวิจัยแนวโน้มทางอินเทอร์เน็ตและการค้นหาข้อมูลเชิงลึกเบื้องหลังกล่องค้นหาของ Google นั้นไม่ใช่แนวคิดใหม่ และโชคดีที่มีผู้คนฉลาดได้สร้างเครื่องมือที่ทรงพลังเพื่อทำให้งานนี้ง่ายขึ้น เพิ่มเครื่องมือเหล่านี้เข้าไป ในการช่วยหาคำหลักของคุณ นอกจากจะประหยัดเวลาในการวิจัยแล้ว คุณยังจะได้รับข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องมากมายซึ่งคุณอาจไม่พบได้ด้วยวิธีอื่น

Ubersuggest ไม่มีคำแนะนำด้าน SEO ที่สมบูรณ์แบบหากไม่กล่าวถึง Ubersuggest เครื่องมือนี้ช่วยเปิดเผยคำแนะนำในการเติมอัตโนมัติเบื้องหลังกล่องค้นหาของ Google มันให้ข้อมูลเฉพาะภูมิภาคสำหรับประเทศและภาษาทั่วโลก และจุดเด่นที่สุดคือ มันเป็นเครื่องมือที่ใช้ฟรี แน่นอนว่า ต้องเสียเงินเมื่อต้องการดูข้อมูลมากขึ้น

ubersuggest

Answer The Public ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและสร้างรายการคำถามของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของคุณโดยอัตโนมัติ Answer The Public เริ่มต้นด้วยวลีที่เริ่มต้นด้วยคำถามทั่วไป เช่น “how”, “when”, “can” และอื่นๆ ตามด้วยคีย์เวิร์ดของคุณ มันยังให้รายการยาวของวลีที่มีคำบุพบท เช่น “can”, “is”, “with”, “without” นำหน้าคีย์เวิร์ดของคุณ และเพื่อเป็นจุดสูงสุด มันยังแสดงคำถามทั่วไปที่ผู้ใช้พิมพ์ในกูเกิล จากตัวอักษร A ถึง Z หลังคีย์เวิร์ดของคุณ (คำนามหลัง หากต้องการพูดอย่างเป็นทางการ) กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของคำถามที่ลูกค้ากำลังถามเกี่ยวกับหัวข้อของคุณ

Buzzsumo บางครั้งแนวคิดอาจเป็นที่นิยมในอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะมีการพิมพ์ในกล่องค้นหาของ Google คุณสามารถไปข้างหน้าของแนวโน้มเหล่านี้ด้วยเครื่องมือค้นพบเนื้อหาอย่างเช่น Buzzsumo

Buzzsumo แสดงเนื้อหาที่กำลังแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตในขณะนี้ คุณสามารถติดตามสิ่งที่กำลังมาแรงทั่วเว็บได้แม้ว่าเครื่องมืออื่นจะยังไม่ได้รับข้อมูลนั้น ใช้เครื่องมือข้างต้นและคุณจะมีคีย์เวิร์ดในมือมากขึ้น และคุณจะพร้อมที่จะเริ่มค้นหาว่าคีย์เวิร์ดใดมีปริมาณ Traffic ที่แข็งแกร่งพอที่จะส่งไปยังเว็บไซต์ของคุณ

วิธีค้นหาคำหลักที่จะนำพาผู้เข้าชมมายังเว็บไซต์ของคุณ

เมื่อคุณมีรายการคำหลักแล้ว คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าคำหลักเหล่านี้ได้รับการค้นหาบนกูเกิลมากเพียงใด การขาดข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาอาจทำให้คุณหลงไปใช้คำหลักที่ไม่มีผู้ค้นหาเลย แต่เมื่อคุณมีความรู้ที่ถูกต้อง คุณสามารถโฟกัสคำหลักที่มีศักยภาพในการดึงดูดผู้เข้าชมหลายร้อยหรือหลายพันคนต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กูเกิลได้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเบื้องหลังช่องค้นหาของกูเกิล ทำให้เราเหลือตัวเลือกเพียงสองอย่างในการค้นหาข้อมูลปริมาณการค้นหาคำหลัก

ประการแรก หากคุณมีแคมเปญโฆษณากูเกิลที่กำลังดำเนินอยู่และมีการใช้จ่ายเพียงเล็กน้อย คุณก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ฟรีผ่านเครื่องมือ Keyword Planner ของพวกเขา หากไม่ใช่ตัวเลือกอื่นคือการใช้เครื่องมือค้นหาคำหลักแบบจ่ายเงินเป็นรายเดือน เช่น keywordtool.io เนื่องจากกูเกิลทำให้ข้อมูลการค้นหาไม่สามารถเข้าถึงได้ฟรี เครื่องมือค้นหาคำหลักฟรีจึงหายไปจากตลาด ทำให้เครื่องมือค้นหาคำหลักแบบจ่ายเงินเป็นตัวเลือกที่เป็นไปได้เดียวในการหาข้อมูลปริมาณการค้นหาสำหรับคำหลักในปัจจุบัน

หากคุณมีงบประมาณจำกัด คุณสามารถสมัครแผนการจ่ายเงินกับเครื่องมือค้นหาคำหลักแบบจ่ายเงินที่มีอยู่ในตลาดแล้วขอคืนเงินหลังจากทำการค้นหาเสร็จสิ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง ไม่ว่ากรณีใด คุณจำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหาสำหรับคำหลักของคุณ มิฉะนั้นคุณจะเหมือนคนตาบอดคลำช้างทำงานในความมืด

การประมาณปริมาณการค้นหาคำหลักด้วย Google Keyword Planner

ตามที่กล่าวไว้ เพื่อเข้าถึงข้อมูลปริมาณการค้นหาที่มากมายจากเครื่องมือ Google Ads Keyword Planner คุณจะต้องมีแคมเปญ Google Ads ที่กำลังดำเนินอยู่และมีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ แม้เพียงเล็กน้อยก็ได้ หากคุณเป็นเช่นนั้น ให้เข้าสู่ระบบ คลิกที่ “เครื่องมือ” ในเมนูด้านบน จากนั้นคลิก “Keyword Planner” และเลือก “รับข้อมูลปริมาณการค้นหาและการพยากรณ์” จากนั้นคัดลอกและวางคีย์เวิร์ดของคุณลงในช่อง เลือกประเทศของคุณ และคลิก “เริ่มต้น” เมื่อเสร็จสิ้น คุณจะได้รับจำนวนครั้งที่แต่ละคีย์เวิร์ดถูกค้นหาใน Google

ข้อมูลสด นี่คือข้อมูลที่เราต้องการอย่างแท้จริง

ตอนนี้เราทราบว่าคีย์เวิร์ดใดได้รับการค้นหามากกว่ากัน และสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เราทราบว่าคีย์เวิร์ดใดที่ไม่ได้รับการค้นหาเลย

การประมาณปริมาณการค้นหาคำหลักด้วย KWFinder

KWFinder
https://mangools.com/blog/keyword-research/
หากคุณต้องการใช้เครื่องมือวิจัยที่มุ่งเน้นการค้นหาคำหลักและการค้นหาข้อมูลทาง SEO มากขึ้น คุณสามารถใช้เครื่องมือที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเช่น KWFinder ผมชื่นชอบ KWFinder เพราะใช้งานง่าย มีคำแนะนำคำหลักที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลการแข่งขัน แต่คุณไม่จำกัดอยู่เพียงเครื่องมือนี้เท่านั้น ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่คุณสามารถค้นหาได้จากการค้นหาบนกูเกิล

โดยยกตัวอย่างการใช้ KWFinder หลังจากสร้างบัญชี เพียงเข้าสู่ระบบ เลือกพื้นที่เป้าหมาย (เช่น กรุงเทพ ประเทศไทย หากนั่นเป็นฐานลูกค้าของคุณ) จากนั้นป้อนไอเดียคำหลักของคุณและดาวน์โหลดข้อมูลที่สำคัญ ทั้งนี้คุณสามารถใช้เวลาให้เป็นประโยชน์โดยมุ่งเน้นไปที่คำหลักที่มีศักยภาพในการค้นหา แทนที่จะไล่ตามคำหลักที่ไม่มีการค้นหาและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจน้อย

 

วิธีการใช้งาน KWFinder เบื้องต้น

วิธีการค้นหาคำหลักที่ง่าย คู่แข่งน้อย

ก่อนอื่นต้องรู้ว่า keywords ที่ต้องการใช้นั้นมีการแข่งขันสูงเพียงใด เมื่อเข้าใจถึงความสามารถในการแข่งขันของ keywords แล้ว จึงจะสามารถค้นพบ keywords ที่มีโอกาสติดอันดับที่ดีบนกูเกิลได้

ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นผู้ขายหนังสือมือสอง และและเลือกใช้ คำหลัก “ร้านหนังสือออนไลน์”  มันก็ไม่น่าจะชนะ ร้านหนังสือซีเอ็ด นายอินทร์ไปได้

ลองดัดแปลงนิดหน่อย เป็น “ร้านหนังสือโบราณออนไลน์” มันอาจจะง่ายกว่าที่จะติดหน้าแรกบนกูเกิล แต่ต้องมั่นใจนะว่า คำหลักที่ใช้นี้ มีคนค้นหาพอสมควร

คุณจะมีข้อได้เปรียบถ้าคู่แข่งของคุณยังไม่ได้คิดที่จะมุ่งเป้าไปที่คำหลักของคุณ คุณแค่ต้องทำ SEO ให้ดีกว่าพวกเขาก็จะมีโอกาสที่จะเอาชนะอันดับของพวกเขาได้ ส่วนหนึ่งของนี้คือการมีรายการคำหลักที่ใหญ่สำหรับการวิจัยของคุณ

ต่อไป คุณต้องล้างรายการนี้และแยกคำหลักที่มีการแข่งขันสูงอย่างไร้เหตุผลออกจากคำหลักที่ง่ายซึ่งไม่มีใครกำลังมุ่งเป้าไปอย่างรุนแรง

มีหลายแนวคิดในการค้นหาความสามารถในการแข่งขันของคำหลักของคุณ วิธีปฏิบัติที่แพร่หลายที่สุดมีดังต่อไปนี้ พร้อมความคิดเห็นของฉันเกี่ยวกับแต่ละวิธี

Fundamental of Golf Club Fitting

Fundamental of Golf Club Fitting

คำถามสำคัญ golf club fitting จำเป็นสำหรับนักกอล์ฟมือใหม่หรือไม่

คำตอบคือ จำเป็นมากครับ เพราะมันจะทำให้เรียนกอล์ฟได้สนุก และมีพัฒนาการได้เร็วขึ้น หากไม้กอล์ฟไม่เหมาะสม ยากครับ เผลอๆทำให้เลิกเล่นไปเลย เพราะมันตีไม่ได้

ในวงการ Club Fitting มันมีตัวแปรอยู่ 21 ตัว ที่ใช้ fitting ไม้กอล์ฟ แต่มันไม่จำเป็นต้องใช้ทุกตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับระดับฝีมือของนักกอล์ฟด้วย หากเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี serious golfers หรือระดับ Tour Pros ก็จัดเต็มได้เลย สำหรับบทความนี้ จะเน้นไปที่นักกอล์ฟมือใหม่ครับ

หากคุณกำลังจะหัดเล่นกอล์ฟ นอกจากต้องหา Golf Intructor ที่มีประสบการณ์สอนกอล์ฟแล้ว ปัจจัยสำคัญมากที่จะทำให้คุณพัฒนาได้เร็วขึ้นในกีฬากอล์ฟก็คือ club fitting หรือการเลือกใช้ไม้กอล์ฟให้เหมาะสมนั่นเอง

  1. Clubhead loft
  2. Clubhead lie angle
  3. Clubhead bulge (woods only)
  4. Clubhead roll (woods only)
  5. Club head sole angle (irons only)
  6. Clubhead face angle (woods only)
  7. Clubhead hosel offset
  8. Clubhead material and design
  9. Shaft flex
  10. Shaft torque
  11. Shaft weight
  12. Shaft spine alignment
  13. Shaft flex profile
  14. Shaft material composition and design
  15. Grip size
  16. Grip weight
  17. Grip material composition and design
  18. Club length
  19. Club swingweight / moment of inertia
  20. Club total weight
  21. Club set makeup

ตัวแปร club fitting ด้านบนทั้ง 21 ตัวนั้น สำหรับนักกอล์ฟมือใหม่ ผมให้แนวทางในการเลือกไม้กอล์ฟดังนี้ครับ

และในบทความนี้ ผมจะใช้การเลือกไดรเวอร์ ซึ่งเป็นไม้กอล์ฟที่ใช่บ่อยที่สุดในถุง เป็นตัวอธิบาย

Clubhead loft

ในไดร์เวอร์ ควรเลือกใช้ loft สูงไว้ก่อน เช่น 12 องศา หรือ มากกว่านี้ แนะนำให้เข้าไปอ่านบทความเรื่อง Driver loft เท่าไหร่ดี จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ

Shaft flex

การเลือกความแข็งอ่อนของก้านไม้กอล์ฟ เอาแบบง่ายๆนะครับ เลือกใช้ก้านที่อ่อนๆไว้ก่อน เช่น Regular flex หรือ บนก้านไม้กอล์ฟ จะเขียนว่า R-Flex นั่นแหละ พวกก้าน ที่แข็งกว่านี้ เช่น S หรือ Stiff  ตัดทิ้งไปก่อนครับ จากตารางด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างสเปคก้านไดรเวอร์ Fujikura Speeder NX  ผมแนะนำให้เลือกใช้ Flex R2 ครับ ตีได้แน่นอน ในตารางด้านล่างมันคือรุ่น Speeder NX Blue 40 นั่นเอง

ตัวอย่างสเปคก้านไม้กอล์ฟ

Shaft weight

น้ำหนักของก้านไม้กอล์ฟ เป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะมันมีผลต่อน้ำหนักรวมของไม้กอล์ฟ  มือใหม่ เลือกก้านมีน้ำหนักเบาไว้ก่อน จะได้สวิงง่าย ในตารางสเปคก้านไดรเวอร์ด้านบน อาจเลือกใช้ น้ำหนักก้าน 45.5 กรัม Flex R2 หรือ 51.5 กรัม Flex R เป็นต้น

Shaft spine alignment

ก้านไม้กอล์ฟมันไม่ได้กลมอย่างที่เราเห็นนะครับ เดิมทีมันเป็นแผ่นแล้วนำมาม้วนขึ้นรูปเป็นทรงกระบอก มีรูตรงกลาง ดังนั้นมันจะมีรอยต่อ การหา spine alignment หรือแนวดีดก้านที่เหมาะสม จำเป็นมาก เวลาหัวไม้กอล์ฟเข้าปะทะลูก จะได้มั่นใจว่า ก้านมันทำงานเต็มประสิทธิภาพ

Grip size

ขนาดกริปเป็นตัวแปรที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่ง มือของคนเรามีขนาดมือไม่เท่ากัน ความยาวนิ้ว ไม่เท่ากัน ดังนั้น grip ที่เหมาะสม จะทำให้เราพัฒนาได้เร็วขึ้น Good grip = Good golf

Grip sizer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกขนาดกริปให้เหมาะสม หลักการของมันง่ายมาก แค่เอามือที่จับด้ามกริปไปวางทาบบน grip sizer เราจะได้ขนาดกริปที่  พอดีกับตัวเรา

grip sizer

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ขนาดกริปตามที่ Grip sizer แนะนำแล้ว เพื่อนนักกอล์ฟต้องลองจับกริปดูด้วย ดูอะไรบ้าง ตามรูปข้างล่างนี้เลยครับ

ขนาด golf grip ที่เหมาะสม

สังเกต 2 นิ้ว คือ นิ้วกลางและนิ้วนาง ควรแตะบริเวณ ฝ่ามือพอดี ถึงจะเรียกว่า ขนาดกริปเหมาะสม ถ้านิ้วทั้ง 2 แตะไม่ถึงอุ้งมือ แสดงว่าขนาดกริปใหญ่เกินไป ตรงกันข้าม หากนิ้วทั้ง 2 กดจิก ลงบนอุ้งมือ แสดงว่าขนาดกริป เล็กเกินไป อย่าลืมใส่ถุงมือกอล์ฟด้วยนะครับ

แต่ในสมัยนี้ มีนักกอล์ฟมากมายทั้งใน LPGA, PGA เลือกใช้ขนาดกริป แบบขนาดใหญ่  เช่น bryson dechambeau ใช้ grip ยี่ห้อ JumboMax ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม  (ผมก็ใช้ JumboMax ครับ)

ดังนั้น ต้องลองทดสอบด้วยตัวเองครับ ว่า ขนาดกริปแบบไหนเหมาะสมกับตัวเราที่สุด

Club length

ความยาวของไม้กอล์ฟเป้นตัวแปรสำคัญอีกตัวหนึ่ง ความยาวของไดรเวอร์ตามท้องตลาด ส่วนมากจะมีความยาว 45 หรือ 46 นิ้ว ซึ่งไม่เหมาะกับนักกอล์ฟมือใหม่ๆอย่างแน่นอน มันยาวไปครับ ตียาก

นักกอล์ฟระดับ PGA Tour ความยาวไดรเวอร์เฉลี่ยที่พวกเขาเลือกใช้จะอยู่ประมาณ 44.75 นิ้ว เท่านั้นเอง

ดังนั้น นักกอล์ฟมือใหม่ควรหาร้าน club fitting ตัดก้านทำความยาวใหม่เหมาะสม แนะนำ 44.5 นิ้วก็คือ และอย่าลืมบอกให้ช่าง ถ่วงสวิงเวจเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะความยาวก้านไม้กอล์ฟลดลง  ต้องทำ balance หรือ ถ่วงสวิงเวจใหม่ครับ